.
.
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
RuNNie Returns
.
.
.

.
.
.
วันนี้ท้องฟ้าขมุกขมัว บรรยากาศปลายฝนต้นหนาว ที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แต่สำหรับ ด่ำ ด๊ำ แล้ว มีแต่บรรยากาศที่หนาวเหน็บเพียงอย่างเดียว แอร์อะไรก็ไม่รู้ หนาวอิ๊บอ๋าย (^___^)) จริง ๆ แล้ว ด่ำ ด๊ำ ขาดความอบอุ่นจากหมอตะหาก
นับเป็นวันที่ ๔ แล้ว ที่พาตัวเองกลับเข้ามาทำงาน หลังจากที่ป่วยจนถึงขั้นผ่าตัดชุดใหญ่นานเกือบ ๖ ชั่วโมง และไปพักฟื้นอยู่กะหมอนกนานมาก นานเกือบ ๒ เดือนที่ห่างหายไปจากที่ทำงาน
.
ป่วยครั้งนี้รู้สึกว่าทรมานจากความเจ็บปวดทางกายและทางใจ รู้สึกทรมานกับการห่างไกลจากคนที่เรารัก ห่างแม่ ห่างพี่ ๆ ห่างหลาน ๆ ห่างบ้านและห่างหมอ มาอยู่กับสถานที่ไม่คุ้นเคยและคนแปลกหน้า จากคนแปลกหน้าเป็นคนคุ้นเคยกันในที่สุด ทั้งหมอเวร หมอใหญ่ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล แม่บ้าน จนถึงคนไข้เตียงข้าง ๆ กันในห้องคนไข้รวม
สำหรับด่ำ ด๊ำ แล้ว การป่วยครั้งนี้นับว่าสาหัสที่สุดของชีวิต ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเข้าโรงพยาบาลเพื่อ Admit ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ครั้งแรกนานถึง ๒๐ วันเพื่อผ่าตัดและพักฟื้น ครั้งที่สองอีก ๗ วัน เพื่อรับยาฆ่าเชื้อแบบเข้าเส้น
พุทธภาษิตที่ว่า “อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสิรฐ ” ดูจะเป็นคำพูดที่จริงแท้และแน่นอนที่สุด เพราะคนเราทุกคนเกิดมาเป็นกรรมเป็นทายาท แต่ทายาทแห่งกรรมจะปรากฏให้เราเห็นตอนไหน จะปรากฏในรูปแบบไหน ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่แต่ละคนสร้างและสะสมกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ๆ
เจ้ากรรมนายเวรของด่ำ ด๊ำ เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มีตัวตนอยู่จริง และมีชีวิตอยู่ในภพเดียวกันกะด่ำ ด๊ำ นี่แหละ เป็นสัตว์ใหญ่ ๔ เท้า แม่โคฝูงใหญ่ ที่เป็นทั้งสัตว์ทดลองและอาจารย์ให้ด่ำ ด๊ำ และเพื่อนได้เรียนรู้วิชากัน ถึงตอนนี้เขาล้มหายตายจากไปแล้ว แต่กรรมที่เราทำกับเขาเมื่อครั้งเขายังมีชีวิตอยู่ยังคงอยู่กะด่ำ ด๊ำตลอดเวลา อาการที่ด่ำ ด๊ำ เป็น ก็คงไม่ต่างกันกับที่เขาเป็น ยาที่หมอให้ด่ำ ด๊ำ ก็เป็นยาตัวเดียวกันกะที่พวกเราฉีดให้พวกเขา
ตอนนี้กลับเข้าทำงานแล้ว แต่ก็ถูกลูกพี่สั่งให้พักงานไว้ก่อน จนกว่าจะมั่นใจว่า การเดินทางออกไปทำงานต่างจังหวัด จะไม่กระทบกระเทือนแผลผ่าตัดทั้งภายในและภายนอก คงอีกเป็นเดือนสองเดือน กว่าลูกพี่จะอนุญาตให้ออกไปทำงาน ทีนี้ ด่ำ ด๊ำ จะนั่งออฟฟิศ ฟอกตัวให้ขาวโบ๊ะเลยล่ะ คริ คริ (^____^))
ขอบคุณหมอนก ที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด ขอบคุณที่ทำให้ด่ำ ด๊ำ รู้ว่า การได้เห็นหน้าคนที่เรารัก หลังจากที่เราฟื้นจากยาสลบเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในยามป่วยไข้ ขอบคุณทุกข้อความ ทุกถ้อยคำและทุกความรู้สึกในไดอารีเล่มแดงที่ทำให้รู้ว่า หมอรักและห่วงใยด่ำ ด๊ำ ทุกเวลาและทุกนาที
ขอบคุณลูกพี่ใหญ่ ( ผชช.ระดับ ๙) และพี่หมอคุด (น้องชายลูกพี่ใหญ่)ที่เป็นธุระจัดการเรื่องห้องพิเศษ Super VIP. ในวันที่ด่ำ ด๊ำเข้าห้องผ่าตัด และโทรถามไถ่อาการหลังผ่าตัด ก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระอย่างเต็มตัว
ขอบคุณหลานตัวเล็ก ตัวใหญ่ ที่มาเฝ้าอยู่หลายวัน และหลานจ๊วย หลานกิ่วกิ้ว ที่ส่งเสียงมาให้กำลังใจในยามที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ขอบุคุณอาจารย์หมออภิธาน หมอสุพัฒนพงศ์ พี่แดง พี่นุช และอีกหลาย ๆ คน ที่ดูแลด่ำด๊ำ อย่างดี
ขอบคุณน้องวิ เพื่อนร่วมงาน ที่สานต่องานโครงการวิจัย ป.โท ของพี่จนสำเร็จทั้ง ๕ ทริป (ไปทำกะเจ้ากรรมนายเวร เดิม ๆ อีกแระ)
ที่พลาดไม่ได้เลย ขอบคุณพี่หมู น้องมุก ที่พาน้ำมนต์ส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน จนไม่ได้กินข้าวกลางวัน ถ้าไม่มีครอบครัวตัว ม. ช่วยเหลือในวันนั้น ก็คงไม่มีน้ำมนต์มานั่งตัวดำ ๆ ในวันนี้
ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ด่ำ ด๊ำ ได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ เหล่านี้ และขอบคุณความรักที่ยังหมุนรอบตัวเราเสมอ ......รักแม่ รักหมอ และรักทุกคนคับผม
และท้ายสุด สุขสันต์วันเกิด หมอนก วันที่ ๖ กันยายน ขอพระคุ้มครอง อย่าเจ็บ อย่าจน นะคับผม (^____^))
.
.
.
.

.
.
.
วันนี้ท้องฟ้าขมุกขมัว บรรยากาศปลายฝนต้นหนาว ที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แต่สำหรับ ด่ำ ด๊ำ แล้ว มีแต่บรรยากาศที่หนาวเหน็บเพียงอย่างเดียว แอร์อะไรก็ไม่รู้ หนาวอิ๊บอ๋าย (^___^)) จริง ๆ แล้ว ด่ำ ด๊ำ ขาดความอบอุ่นจากหมอตะหาก
นับเป็นวันที่ ๔ แล้ว ที่พาตัวเองกลับเข้ามาทำงาน หลังจากที่ป่วยจนถึงขั้นผ่าตัดชุดใหญ่นานเกือบ ๖ ชั่วโมง และไปพักฟื้นอยู่กะหมอนกนานมาก นานเกือบ ๒ เดือนที่ห่างหายไปจากที่ทำงาน
.
ป่วยครั้งนี้รู้สึกว่าทรมานจากความเจ็บปวดทางกายและทางใจ รู้สึกทรมานกับการห่างไกลจากคนที่เรารัก ห่างแม่ ห่างพี่ ๆ ห่างหลาน ๆ ห่างบ้านและห่างหมอ มาอยู่กับสถานที่ไม่คุ้นเคยและคนแปลกหน้า จากคนแปลกหน้าเป็นคนคุ้นเคยกันในที่สุด ทั้งหมอเวร หมอใหญ่ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล แม่บ้าน จนถึงคนไข้เตียงข้าง ๆ กันในห้องคนไข้รวม
สำหรับด่ำ ด๊ำ แล้ว การป่วยครั้งนี้นับว่าสาหัสที่สุดของชีวิต ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเข้าโรงพยาบาลเพื่อ Admit ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ครั้งแรกนานถึง ๒๐ วันเพื่อผ่าตัดและพักฟื้น ครั้งที่สองอีก ๗ วัน เพื่อรับยาฆ่าเชื้อแบบเข้าเส้น
พุทธภาษิตที่ว่า “อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสิรฐ ” ดูจะเป็นคำพูดที่จริงแท้และแน่นอนที่สุด เพราะคนเราทุกคนเกิดมาเป็นกรรมเป็นทายาท แต่ทายาทแห่งกรรมจะปรากฏให้เราเห็นตอนไหน จะปรากฏในรูปแบบไหน ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่แต่ละคนสร้างและสะสมกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ๆ
เจ้ากรรมนายเวรของด่ำ ด๊ำ เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มีตัวตนอยู่จริง และมีชีวิตอยู่ในภพเดียวกันกะด่ำ ด๊ำ นี่แหละ เป็นสัตว์ใหญ่ ๔ เท้า แม่โคฝูงใหญ่ ที่เป็นทั้งสัตว์ทดลองและอาจารย์ให้ด่ำ ด๊ำ และเพื่อนได้เรียนรู้วิชากัน ถึงตอนนี้เขาล้มหายตายจากไปแล้ว แต่กรรมที่เราทำกับเขาเมื่อครั้งเขายังมีชีวิตอยู่ยังคงอยู่กะด่ำ ด๊ำตลอดเวลา อาการที่ด่ำ ด๊ำ เป็น ก็คงไม่ต่างกันกับที่เขาเป็น ยาที่หมอให้ด่ำ ด๊ำ ก็เป็นยาตัวเดียวกันกะที่พวกเราฉีดให้พวกเขา
ตอนนี้กลับเข้าทำงานแล้ว แต่ก็ถูกลูกพี่สั่งให้พักงานไว้ก่อน จนกว่าจะมั่นใจว่า การเดินทางออกไปทำงานต่างจังหวัด จะไม่กระทบกระเทือนแผลผ่าตัดทั้งภายในและภายนอก คงอีกเป็นเดือนสองเดือน กว่าลูกพี่จะอนุญาตให้ออกไปทำงาน ทีนี้ ด่ำ ด๊ำ จะนั่งออฟฟิศ ฟอกตัวให้ขาวโบ๊ะเลยล่ะ คริ คริ (^____^))
ขอบคุณหมอนก ที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด ขอบคุณที่ทำให้ด่ำ ด๊ำ รู้ว่า การได้เห็นหน้าคนที่เรารัก หลังจากที่เราฟื้นจากยาสลบเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในยามป่วยไข้ ขอบคุณทุกข้อความ ทุกถ้อยคำและทุกความรู้สึกในไดอารีเล่มแดงที่ทำให้รู้ว่า หมอรักและห่วงใยด่ำ ด๊ำ ทุกเวลาและทุกนาที
ขอบคุณลูกพี่ใหญ่ ( ผชช.ระดับ ๙) และพี่หมอคุด (น้องชายลูกพี่ใหญ่)ที่เป็นธุระจัดการเรื่องห้องพิเศษ Super VIP. ในวันที่ด่ำ ด๊ำเข้าห้องผ่าตัด และโทรถามไถ่อาการหลังผ่าตัด ก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระอย่างเต็มตัว
ขอบคุณหลานตัวเล็ก ตัวใหญ่ ที่มาเฝ้าอยู่หลายวัน และหลานจ๊วย หลานกิ่วกิ้ว ที่ส่งเสียงมาให้กำลังใจในยามที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ขอบุคุณอาจารย์หมออภิธาน หมอสุพัฒนพงศ์ พี่แดง พี่นุช และอีกหลาย ๆ คน ที่ดูแลด่ำด๊ำ อย่างดี
ขอบคุณน้องวิ เพื่อนร่วมงาน ที่สานต่องานโครงการวิจัย ป.โท ของพี่จนสำเร็จทั้ง ๕ ทริป (ไปทำกะเจ้ากรรมนายเวร เดิม ๆ อีกแระ)
ที่พลาดไม่ได้เลย ขอบคุณพี่หมู น้องมุก ที่พาน้ำมนต์ส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน จนไม่ได้กินข้าวกลางวัน ถ้าไม่มีครอบครัวตัว ม. ช่วยเหลือในวันนั้น ก็คงไม่มีน้ำมนต์มานั่งตัวดำ ๆ ในวันนี้
ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ด่ำ ด๊ำ ได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ เหล่านี้ และขอบคุณความรักที่ยังหมุนรอบตัวเราเสมอ ......รักแม่ รักหมอ และรักทุกคนคับผม
และท้ายสุด สุขสันต์วันเกิด หมอนก วันที่ ๖ กันยายน ขอพระคุ้มครอง อย่าเจ็บ อย่าจน นะคับผม (^____^))
.
.
วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
RuNNie's Holiday
.
.
.
บ่ายนี้ที่ชุมพร แดดยังคงร้อนแรง และร้อนมาก ๆ ร้อนยังไงก็ยังไม่ร้อนแรงเท่าแดงร้อน ๆ ที่ แยกราชประสงค์ หรือเกาะลันตา จ.กระบี่ และภูเก็ต ที่หมอนก กะด่ำด๊ำ ไปเที่ยวมาเมื่อตอนสงกรานต์ ทำเอาด่ำ ด๊ำ ทั้งดำ และเดี้ยงกลับมา
ตั้งแต่ปีใหม่มา ด่ำ ด๊ำ มีโปรแกรมลงมาตรวจงานที่ใต้ทุกเดือน ทั้งฟากอ่าวไทย และฝั่ง อันดามัน แต่ว่าสองเดือนนี้นับเป็นการเดินทางที่มาราธอนสุด ๆ สำหรับด่ำ ด๊ำ เพราะว่าเดือนที่แล้วลงมาตรวจงานที่พังงาและภูเก็ต กลับกรุงเทพฯ ได้สัก ๑๐ วัน ก็ถึงทริปเที่ยวกระบี่ ภูเก็ตกะหมอนก กลับบ้านไปได้ ๓ วัน ก็ต้องลงมาทำงานที่ชุมพร กะระนองอีก เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ไปแล้ว ยังไปได้อีกทุกเดือนเช่นกัน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่ น่าเที่ยวเท่าเมืองไทยอีกแล้ว “ไม่รักเมืองไทย ไม่ห่วงอนาคตลูกหลานกันแล้วใช่ไหม ถึงทำให้เมืองไทยลุกเป็นไฟกันแบบนี้ ”
ไม่ได้เข้ามาอ่านบล็อกนานมาก จนคิดไปว่าใคร ๆ เขาหายไปไหนกันหมด ที่ไหนได้มีแต่เราที่หายไป ใคร ๆ เขายังอยู่กันเหมือนเดิมตะหาก ใครที่ห่างหายไปนาน ๆ กรุณากลับมาอัพบล็อกกันด้วยน๊า เพราะ เพราะ เพราะว่าด่ำ ด๊ำ คิดถึงนะคับผม (^___^))
สงกรานต์ที่ผ่านมา ด่ำ ด๊ำ กะหมอนก เลือกที่จะไปเที่ยวเกาะลันตา จ.กระบี่ กะเกาะภูเก็ตกัน ทั้งที่รู้ว่าร้อนแต่เลือกที่จะไปเที่ยวกัน เพราะอยู่บ้านยังไงก็ดำ สู้ไปหาประสบการณ์ชีวิตร้อน ๆ เติมเต็มชีวิตกันดีกว่า

เราเลือกซื้อแพคเกจที่พักจากงานไทยเที่ยวไทยปีนี้ ด้วยที่พักของ โรงแรม Lanta All Seasons Beach Resort จากพนักงานขายหน้าบ้าน ๆ แต่อัธยาศัยดีมาก เลยทำให้เราสองคนอยากไปสัมผัสผู้คนที่นั่น ว่าแล้วก็แพ็คกระเป๋าเดินทางกันเลย
หมอนกเป็นคนจัดโปรแกรมเที่ยวเองทั้งหมด ตั้งแต่เลือกห้องพักทั้งเกาะลันตา และภูเก็ต จองตั๋วเครื่องบิน One-2- Go ด้วยเที่ยวบินดอนเมือง – ตรัง และ ภูเก็ต - ดอนเมือง งานนี้ทำเอาเราสองคนจะอยาก One-2- Go แค่ One Trip Only เพราะขากลับสายการบินดันเปลี่ยนที่ลงพาเรามาส่งแค่สุวรรณภูมิเท่านั้น .... เซ็งเป็ด แต่เป็ดไม่เซ็ง มีแต่เราสองคน และคนอื่น ๆ ในเที่ยวบินเดียวกันที่เซ็งกันถ้วนหน้า

เราเดินทางตั้งแต่วันที่ ๑๐ กลับมาอีกทีก็วันที่ ๑๕ เลือกที่จะบินไปลงตรัง รถของโรงแรมไปรอรับที่สนามบิน พาเที่ยวถ้ำกอบเขาเล ตามแพคเกจที่หมอวางแผนเอาไว้
งานนี้ทำเอาสองคนเสียวสุด ๆ ยิ่งกว่าเรื่องบนเตียง ที่หนเดียวก็คงพอแล้ว กับการลอดถ้ำ ท้องมังกรที่ถ้ำเล เขากอบด้วยความสูงของเพดานถ้ำที่ยิ่งลึก มันยิ่งเฉียดฉิวปลายจมูกแบน ๆ ของด่ำ ด๊ำ กับความยาว ๓๕๐ เมตรที่ทำเอาอึดอัดเหมือนถูกมัดตราสังข์อยู่ในโลงแคบ ๆ ยังไงยังง๊าน เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ รู้แระก็เข็ดไปอีกนาน คริ คริ (^___^))

ถึงหัวหิน ที่ไม่ใช่ จ. ประจวบฯ คนขับพาเราขับรถลงเรือเฟอรรี่บรรทุกรถยนต์ข้ามเกาะลันตาน้อย เกาะลันตาใหญ่ ถึง ๒ ครั้ง วิ่งบนเกาะ ๒ เกาะนิดหน่อย ก็ถึงที่พักของเรา Lanta All Seasons Beach Resort ที่อยู่บริเวณหัวเกาะ หรือลันตาเมืองใหม่ เราได้ห้องพักที่คิดว่ามุมดีที่สุดของโรงแรม เห็นฝรั่งหลายแดดนอนปิ้งกันเกลื่อนหาด ด่ำ ด๊ำ แค่แดดเดียวก็สีหมอง โอโม่ก็เอาไม่อยู่แล้วคับ

ที่เกาะลันตา เราได้เพื่อนใหม่เป็นน้องหมา ๔ ตัว ที่ไปไหนไปด้วย น้ำทะเลลึกแค่ไหน น้องก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก ลุยไหนลุยด้วย...ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อน.....ที่เรายังไม่พบเท่านั้นเอง คำนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะคำว่าเพื่อน..... ไม่ได้นิยามไว้แค่คำว่ามนุษย์ ๒ ขาเท่านั้น หากแต่ยังสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ที่เรายังไม่ไปเจอเขาตะหาก...เป็นหมอหมา ดีกว่าเป็นหมอหมา ๆ แน่นอน คริ คริ

การขับรถมอเตอร์ไซค์รอบเกาะเป็นกิจกรรมหลัก ของเรา ๒ คน ๒ เกาะ แค่วันแรกที่เกาะลันตา ดำ ด๊ำก็ดำเกินหน้าหมอไปหลายร้อยแดดแระ ไหว้พระ และชมหาดกะฝรั่งหลายแดดเป็นเป้าหมายในการขับรถรอบเกาะลันตาและเกาะภูเก็ต เราไปไหว้พระขอพรที่วัดพระทอง หรือ พระผุด หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ดูตึกรามบ้านช่องสมัยก่อนของภูเก็ต ส่วนหมอได้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะรอก เป็นทริปพิเศษของเกาะลันตาที่ด่ำ ด๊ำไม่ได้ไปด้วย เพราะ..... ไม่อยากไปเกะกะหมอ คริ คริ

เดือนนี้เป็นเดือนที่มีงานเต็มเดือนยาวเหยียด เพื่อนสาวมาจากเมกาหลายวันแระ เรายังไม่มีเวลาว่างมาเจอกันสักที ตอนด่ำ ด๊ำอยู่เกาะลันตา เธออยู่บางแสน พอด่ำ ด๊ำไปภูเก็ต เธอเพิ่งกลับจากภูเก็ตไปอยู่กรุงเทพฯ พอด่ำ ด๊ำมาชุมพร เธอไปเชียงใหม่ พอด่ำ ด๊ำกลับไปกรุงเทพฯ เธออยู่บางแสน พอเธอจะกลับเมกา ด่ำ ด๊ำ ก็ติดสอบสัมภาษณ์พนักงานราชการ ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนมาเจอกัน .... อยากให้รู้ว่า ถึงไม่ได้เจอกัน ก็คิดถึงเสมอนะคับผม
กลับจากภูเก็ต ด่ำด๊ำกลับบ้านคราวนี้ ไม่มีน้องหมาตัวดำ ๆ ใหญ่ ๆ มากระโจนรับหน้าและหอมแก้มอีกแล้ว ไม่มีน้องหมาที่ลงเล่นน้ำไปคลองวันละหลาย ๆ รอบ ไม่มีครั้งไหนที่พี่ไม่ไปตามน้อยหน่าไปที่ท่าน้ำ ไปนั่งดูน้อยหน่านั่งแช่น้ำ เล่นโน่นเล่นนี่รอบ ๆ ตัว น้อยหน่าเมกากลับมา แต่น้องน้อยหน่าด่ำ ด๊ำก็จากไปอย่างไม่มีเวลาได้ดูใจ คิดถึงน้อยหน้าเสมอนะจ๊ะ

ท้ายสุดขอบคุณสำหรับตุ๊กตาน้องแมว น้องหมี ของขวัญวันเกิดด่ำ ด๊ำ ที่หมอตั้งใจถักใส่ใจทุกเส้นใยด้วยความรัก แต่อะไรไม่สำคัญไปกว่า ... ความรักที่หมอมีให้กับด่ำด๊ำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะยังคงอยู่ตลอดไป...รักหมอเสมอนะคับผม
สุดท้าย ด่ำ ด๊ำไม่มีเวลาว่างจะมาอัพได หรือแม้แต่จะแวะเวียนเข้ามาในบล็อก ยังไงก็คิดถึงคนเคยคิดถึงเสมอนะคับผม ขอบคุณคำอวยพร จากน้องสาวที่น่ารัก ที่ยังจำกันได้เสมอ ... ไหนอ้ะ ของขวัญปีใหม่ของพี่ตัวดำ นานแล้วน๊า ทวงซะเลย คริ คริ

ท้ายนี้ที่ชุมพร ขอพรที่แสนสุขดีให้กับคนชุมพร และคนอ่านทุกคนนะคับผม ...ท้ายแล้วจริง ๆ อยากให้หมอนก...บินได้นะคับผม

Song : This love – Maroon 5
วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓
เวลา ๑๔.๓๒ น.
.
.
บ่ายนี้ที่ชุมพร แดดยังคงร้อนแรง และร้อนมาก ๆ ร้อนยังไงก็ยังไม่ร้อนแรงเท่าแดงร้อน ๆ ที่ แยกราชประสงค์ หรือเกาะลันตา จ.กระบี่ และภูเก็ต ที่หมอนก กะด่ำด๊ำ ไปเที่ยวมาเมื่อตอนสงกรานต์ ทำเอาด่ำ ด๊ำ ทั้งดำ และเดี้ยงกลับมา
ตั้งแต่ปีใหม่มา ด่ำ ด๊ำ มีโปรแกรมลงมาตรวจงานที่ใต้ทุกเดือน ทั้งฟากอ่าวไทย และฝั่ง อันดามัน แต่ว่าสองเดือนนี้นับเป็นการเดินทางที่มาราธอนสุด ๆ สำหรับด่ำ ด๊ำ เพราะว่าเดือนที่แล้วลงมาตรวจงานที่พังงาและภูเก็ต กลับกรุงเทพฯ ได้สัก ๑๐ วัน ก็ถึงทริปเที่ยวกระบี่ ภูเก็ตกะหมอนก กลับบ้านไปได้ ๓ วัน ก็ต้องลงมาทำงานที่ชุมพร กะระนองอีก เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ไปแล้ว ยังไปได้อีกทุกเดือนเช่นกัน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่ น่าเที่ยวเท่าเมืองไทยอีกแล้ว “ไม่รักเมืองไทย ไม่ห่วงอนาคตลูกหลานกันแล้วใช่ไหม ถึงทำให้เมืองไทยลุกเป็นไฟกันแบบนี้ ”
ไม่ได้เข้ามาอ่านบล็อกนานมาก จนคิดไปว่าใคร ๆ เขาหายไปไหนกันหมด ที่ไหนได้มีแต่เราที่หายไป ใคร ๆ เขายังอยู่กันเหมือนเดิมตะหาก ใครที่ห่างหายไปนาน ๆ กรุณากลับมาอัพบล็อกกันด้วยน๊า เพราะ เพราะ เพราะว่าด่ำ ด๊ำ คิดถึงนะคับผม (^___^))
สงกรานต์ที่ผ่านมา ด่ำ ด๊ำ กะหมอนก เลือกที่จะไปเที่ยวเกาะลันตา จ.กระบี่ กะเกาะภูเก็ตกัน ทั้งที่รู้ว่าร้อนแต่เลือกที่จะไปเที่ยวกัน เพราะอยู่บ้านยังไงก็ดำ สู้ไปหาประสบการณ์ชีวิตร้อน ๆ เติมเต็มชีวิตกันดีกว่า

เราเลือกซื้อแพคเกจที่พักจากงานไทยเที่ยวไทยปีนี้ ด้วยที่พักของ โรงแรม Lanta All Seasons Beach Resort จากพนักงานขายหน้าบ้าน ๆ แต่อัธยาศัยดีมาก เลยทำให้เราสองคนอยากไปสัมผัสผู้คนที่นั่น ว่าแล้วก็แพ็คกระเป๋าเดินทางกันเลย
หมอนกเป็นคนจัดโปรแกรมเที่ยวเองทั้งหมด ตั้งแต่เลือกห้องพักทั้งเกาะลันตา และภูเก็ต จองตั๋วเครื่องบิน One-2- Go ด้วยเที่ยวบินดอนเมือง – ตรัง และ ภูเก็ต - ดอนเมือง งานนี้ทำเอาเราสองคนจะอยาก One-2- Go แค่ One Trip Only เพราะขากลับสายการบินดันเปลี่ยนที่ลงพาเรามาส่งแค่สุวรรณภูมิเท่านั้น .... เซ็งเป็ด แต่เป็ดไม่เซ็ง มีแต่เราสองคน และคนอื่น ๆ ในเที่ยวบินเดียวกันที่เซ็งกันถ้วนหน้า

เราเดินทางตั้งแต่วันที่ ๑๐ กลับมาอีกทีก็วันที่ ๑๕ เลือกที่จะบินไปลงตรัง รถของโรงแรมไปรอรับที่สนามบิน พาเที่ยวถ้ำกอบเขาเล ตามแพคเกจที่หมอวางแผนเอาไว้
งานนี้ทำเอาสองคนเสียวสุด ๆ ยิ่งกว่าเรื่องบนเตียง ที่หนเดียวก็คงพอแล้ว กับการลอดถ้ำ ท้องมังกรที่ถ้ำเล เขากอบด้วยความสูงของเพดานถ้ำที่ยิ่งลึก มันยิ่งเฉียดฉิวปลายจมูกแบน ๆ ของด่ำ ด๊ำ กับความยาว ๓๕๐ เมตรที่ทำเอาอึดอัดเหมือนถูกมัดตราสังข์อยู่ในโลงแคบ ๆ ยังไงยังง๊าน เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ รู้แระก็เข็ดไปอีกนาน คริ คริ (^___^))

ถึงหัวหิน ที่ไม่ใช่ จ. ประจวบฯ คนขับพาเราขับรถลงเรือเฟอรรี่บรรทุกรถยนต์ข้ามเกาะลันตาน้อย เกาะลันตาใหญ่ ถึง ๒ ครั้ง วิ่งบนเกาะ ๒ เกาะนิดหน่อย ก็ถึงที่พักของเรา Lanta All Seasons Beach Resort ที่อยู่บริเวณหัวเกาะ หรือลันตาเมืองใหม่ เราได้ห้องพักที่คิดว่ามุมดีที่สุดของโรงแรม เห็นฝรั่งหลายแดดนอนปิ้งกันเกลื่อนหาด ด่ำ ด๊ำ แค่แดดเดียวก็สีหมอง โอโม่ก็เอาไม่อยู่แล้วคับ

ที่เกาะลันตา เราได้เพื่อนใหม่เป็นน้องหมา ๔ ตัว ที่ไปไหนไปด้วย น้ำทะเลลึกแค่ไหน น้องก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก ลุยไหนลุยด้วย...ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อน.....ที่เรายังไม่พบเท่านั้นเอง คำนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะคำว่าเพื่อน..... ไม่ได้นิยามไว้แค่คำว่ามนุษย์ ๒ ขาเท่านั้น หากแต่ยังสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ที่เรายังไม่ไปเจอเขาตะหาก...เป็นหมอหมา ดีกว่าเป็นหมอหมา ๆ แน่นอน คริ คริ

การขับรถมอเตอร์ไซค์รอบเกาะเป็นกิจกรรมหลัก ของเรา ๒ คน ๒ เกาะ แค่วันแรกที่เกาะลันตา ดำ ด๊ำก็ดำเกินหน้าหมอไปหลายร้อยแดดแระ ไหว้พระ และชมหาดกะฝรั่งหลายแดดเป็นเป้าหมายในการขับรถรอบเกาะลันตาและเกาะภูเก็ต เราไปไหว้พระขอพรที่วัดพระทอง หรือ พระผุด หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ดูตึกรามบ้านช่องสมัยก่อนของภูเก็ต ส่วนหมอได้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะรอก เป็นทริปพิเศษของเกาะลันตาที่ด่ำ ด๊ำไม่ได้ไปด้วย เพราะ..... ไม่อยากไปเกะกะหมอ คริ คริ

เดือนนี้เป็นเดือนที่มีงานเต็มเดือนยาวเหยียด เพื่อนสาวมาจากเมกาหลายวันแระ เรายังไม่มีเวลาว่างมาเจอกันสักที ตอนด่ำ ด๊ำอยู่เกาะลันตา เธออยู่บางแสน พอด่ำ ด๊ำไปภูเก็ต เธอเพิ่งกลับจากภูเก็ตไปอยู่กรุงเทพฯ พอด่ำ ด๊ำมาชุมพร เธอไปเชียงใหม่ พอด่ำ ด๊ำกลับไปกรุงเทพฯ เธออยู่บางแสน พอเธอจะกลับเมกา ด่ำ ด๊ำ ก็ติดสอบสัมภาษณ์พนักงานราชการ ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนมาเจอกัน .... อยากให้รู้ว่า ถึงไม่ได้เจอกัน ก็คิดถึงเสมอนะคับผม
กลับจากภูเก็ต ด่ำด๊ำกลับบ้านคราวนี้ ไม่มีน้องหมาตัวดำ ๆ ใหญ่ ๆ มากระโจนรับหน้าและหอมแก้มอีกแล้ว ไม่มีน้องหมาที่ลงเล่นน้ำไปคลองวันละหลาย ๆ รอบ ไม่มีครั้งไหนที่พี่ไม่ไปตามน้อยหน่าไปที่ท่าน้ำ ไปนั่งดูน้อยหน่านั่งแช่น้ำ เล่นโน่นเล่นนี่รอบ ๆ ตัว น้อยหน่าเมกากลับมา แต่น้องน้อยหน่าด่ำ ด๊ำก็จากไปอย่างไม่มีเวลาได้ดูใจ คิดถึงน้อยหน้าเสมอนะจ๊ะ

ท้ายสุดขอบคุณสำหรับตุ๊กตาน้องแมว น้องหมี ของขวัญวันเกิดด่ำ ด๊ำ ที่หมอตั้งใจถักใส่ใจทุกเส้นใยด้วยความรัก แต่อะไรไม่สำคัญไปกว่า ... ความรักที่หมอมีให้กับด่ำด๊ำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะยังคงอยู่ตลอดไป...รักหมอเสมอนะคับผม
สุดท้าย ด่ำ ด๊ำไม่มีเวลาว่างจะมาอัพได หรือแม้แต่จะแวะเวียนเข้ามาในบล็อก ยังไงก็คิดถึงคนเคยคิดถึงเสมอนะคับผม ขอบคุณคำอวยพร จากน้องสาวที่น่ารัก ที่ยังจำกันได้เสมอ ... ไหนอ้ะ ของขวัญปีใหม่ของพี่ตัวดำ นานแล้วน๊า ทวงซะเลย คริ คริ

ท้ายนี้ที่ชุมพร ขอพรที่แสนสุขดีให้กับคนชุมพร และคนอ่านทุกคนนะคับผม ...ท้ายแล้วจริง ๆ อยากให้หมอนก...บินได้นะคับผม

Song : This love – Maroon 5
วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓
เวลา ๑๔.๓๒ น.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)