วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

BaTmAn :: HaPpY New yeAr 2010



ผ่านไป ๓ เดือนที่ไม่เคยมาอัพเดทชีวิตตัวเอง บนพื้นที่ส่วนตัวที่นี่ แต่ชีวิตก็ยังมีความสุขเสมอที่ยังมีร่างและลมหายใจพาตัวเองกลับบ้าน ไปพบความสุขที่บ้านเกิดตัวเอง ได้เห็นหน้าแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหลาน หมา แมว ดูสายน้ำ ลำคลอง ฟังสียงนกร้องรอบกายเรา เห็นเดือน เห็นดาว ท้องฟ้ากว้างไกล ไปเมื่อไร ชีวิตก็มีความสุขเมื่อนั้น (^____^))

เหลือเวลาอีก ๒ วันก็จะก้าวขึ้นสู่ปีใหม่ ปีขาล ปีเสือ ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วเราจะได้ลูกเสือ ได้อย่างไร ปีใหม่ สำหรับ่ด่ำ ด๊ำแล้ว ไม่ว่าวันไหน ก็เป็นวันที่เราสามารถเริ่มต้น สิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่ดี ๆ ได้เสมอ ทำไมต้องเป็นแค่ปีใหม่ ... ทำไมต้องกำหนดขอบเขตให้กับตัวเองด้วยไม่รู้ รู้ไหมว่า...มันทำให้เราเสียโอกาสไปตั้ง ๓๖๕ วันน่ะ


งาน งาน งาน

หนึ่งปีที่ผ่านมา ชีวิตของด่ำ ด๊ำ ยังคงวนเวียนอยู่บนเส้นทาง ไม่ว่าจะเส้นทางของการเล่า เรียน เส้นทางของการทำงาน ยังจำเส้นทางของความอึดได้อยู่เสมอ เช้าอยู่อยุธยา เย็นอยู่ระยอง เช้าอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ ๕ โมงเช้าอยู่สนามบินสุราษฎร์ธานี ทำงานและกินข้าวเที่ยงที่ชุมพร เย็นเข้าไปนอนที่ระนอง เช้าอีกวันทำงานที่ระนอง กินข้าวกลางวันที่พังงา เย็นเข้าไปนอนภูเก็ด เช้าตื่นมาทำงานที่ภูเก็ต และขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ในบ่ายวันนั้น... ชีวิตยังคงวนเวียนอยู่บนด้านขวานของแผ่นดินไทย ครั้งแล้วครั้งเล่า ไปแล้วไปอีก ไปแล้ว...อยากไปอีก .... ชีวิตที่มีแต่ความสุข อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุขเสมอ(^_____^))


เรียน เรียน

เทอมนี้ อาจารย์ให้ Drop ๑ เทอม เพื่อทำ Thesis และลงทะเบียนอีก ๑๒ หน่วยกิตในเทอมหน้า ... จบไม่จบ เด๋วก็รู้กัน เพราะด่ำ ด๊ำ ยังไม่ได้นัดอาจารย์เพื่อขอสอบ Propasal เลย แต่ที่แน่ ๆ ด่ำ ด๊ำ ส่ง ส.ค.ส. ส่งความสุข ด้วยการส่งหนังสือ “ทำชีวิตให้ได้ดี และมีสุข ของ ดร.สนอง วรอุไร ”ไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กันถ้วนหน้าแระ เผื่อว่าอาจารย์จะเอาไปสอนเด็ก ๆ ได้ต่อ แค่นี้ ด่ำ ด๊ำ ก็ได้อานิสงส์ของผลบุญแบบไม่รู้จบแระ (^_____^))





รัก ลับ ลวง

ความรักของด่ำ ด๊ำ กะหมอนก ยังมั่นคงอยู่เสมอ แม้จะมีหมอดูแม่น ๆ มาทักทายว่า ชีวิตด่ำ ด๊ำ จะรุ่งเรืองขึ้น ไม่ใช่แค่การงาน แต่รวมถึงเงินทอง และความรักที่เพิ่มขึ้นอีกตะหาก

ความรัก ไม่ได้เดินทางมาหาเราได้บ่อย ๆ ชีวิตก็ไม่ได้มีคนมารักเราบ่อย ๆ ได้เช่นกัน ชีวิตมีกรรมเป็นตัวกำหนด หากเรามีสติที่จะตั้งรับ เชื่อว่าความรักไม่ว่าในรูปแบบไหน ก็จะเป็นความรักที่สวยงาม และคงทนอยู่กับเราเสมอ

อย่าปล่อยให้ความรักเป็นเรื่องของ รัก ลวง พลาง คนที่จะเจ็บไม่ใช่แค่เรา แต่เป็นเราเองที่ลากคนใกล้ตัวให้ต้องเจ็บช้ำไปด้วยตะหาก .. รักหมอเสมอ ..เผลอมีใหม่ (ได้ซะที่ไหนกันล่ะ) คริ คริ (^______^))

บทสรุปชีวิตหนึ่งปีที่ผ่านมา รู้สึกว่าชีวิตช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกอยู่เสมอว่า ชีวิตเราไม่เคยมีความทุกข์ ทรมานด้วยเรื่องใด ๆ หากเราเลือกที่จะตัดสิ่งจะทำให้เราเกิดทุกข์ออกไปก่อนที่จะเกิดมากกว่า ... เก่งมากด่ำ ด๊ำ ... ที่มีดวงตาเห็นธรรม เมื่อทุกข์เริ่มจะมาเยือน


ปีใหม่แล้ว .. ด่ำด๊ำ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะให้พรศักดิ์สิทธิ์กับใคร ๆ ได้ แต่ก็ปราถนาให้ทุกคนมีความสุข คิดสุข .. สุข คิดทุกข์... ทุกข์ ทำชีวิตให้ได้ดี แล้วก็จะมีความสุขเองแหละ รักทุกคน ..ที่รักด่ำด๊ำ


ปล. หมอคับ อย่าลืมตุ้หูเพชรของด่ำด๊ำ นะคับผม


หนังสือ : ทำชีวิตให้ได้ดี และมีสุข ของ ดร.สนอง วรอุไร – อยากให้ทุกคนได้อ่าน แล้วจะรู้ความสุข อยู่ที่ตัวเราเอง

Song : In the closet –Michael Jackson

วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
เวลา ๑๕.๕๙ น.

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

BatmAn :: You Changed my World




ดึกแล้ว หมอไปขึ้นเวร ด่ำด๊ำยังคงอยู่กะหมอต่ออีก ๑ คืน... ปี ๒ เทอม ๑ ผ่านพ้นไปแล้ว จบคอร์สเวิร์คแล้วสำหรับปริญญาโท วิทยาศาตร์มหาบัณฑิต เป็นไทแล้วดำด๊ำเอ๊ย รอแต่แก้เนื้อหาปัญหาพิเศษ แล้วก็รอลุ้นเกรดสำหรับเทอมนี้ รอสอบ Propasal สำหรับเทอมหน้าเพื่อลุยทำ Thesis ให้จบภายใน ๒ เทอม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปลายปีหน้า ด่ำด๊ำก็คงจะได้แต่งชุดข้าราชการเต็มยศเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร (อีกรอบ) แน่นอน

เสาร์โน้น ก่อนปิดเทอม ด่ำด๊ำได้มีโอกาสสนทนากับหนุ่มอเมริกันคนหนึ่ง ที่เดินทางมาจาก Los Angelis เข้ามาพักที่หอพักมหาลัยเหมือนกัน หนุ่มนั้นถามด่ำด๊ำด้วยคำพูดภาษาไทยว่า ... คุณพูดภาษาฉันได้ไหม ? และเป็นที่มาของการ Conversation และ Writing ระหว่างรอส่งหนุ่มน้อยคนนี้ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ ตอนรุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง หนุ่มอเมริกันคนนี้เข้ามาเรียนวิปัสสนากับพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม ที่ด่ำด๊ำและหมอมีโอกาสได้ไปสดับธรรมมาแล้วครั้งหนึ่ง น้องชาย น้องสาว ลูกพี่ลูกน้องของหนุ่มอเมริกันต่างมาเรียนกับพระอาจารย์ปราโมทย์กันแล้วทั้งนั้น หนุ่มน้อยมีความรู้ถึงระดับ ศิล สมาธิ ปัญญา ถึงขั้นรู้จักหลวงพ่อชา รู้จักวัดป่านานาชาติแล้ว เขาตั้งใจมาเรียนพุทธศานา เพื่อรับศาสนาพุทธเมื่อถึงเวลา .... เราคุยตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ ... จนถึงความหมายของคำว่า “ หลวงพ่อชา “

และวันนี้เองที่ด่ำด๊ำถามหนุ่มน้อย ชอบไมเคิล แจ๊กสันไหม เราต่างชอบไมเคิลเหมือนกัน ด่ำด๊ำบอกหนุ่มน้อยนั้นว่า.. If Jackson knew Bhuddism, He wouldn’t die. Samathi can heal his Insomnia .

พรุ่งนี้ วันอังคารที่ ๒๙ เดือน ๙ ปี ๐๙ ถึงจะเป็นตัวเลขของปีสากล แต่เลข ๙ เป็นตัวเลขที่เราเกิดและผูกพันมาตั้งแต่เกิดและเป็นเลขโปรดของตัวเองจนถึงวันนี้ .. และเป็นเวลากว่า ๙๐ วัน ที่โลกนี้และชีวิตด่ำด๊ำได้สูญเสียศิลปินในดวงใจ อย่างไม่มีวันกลับมา ใครจะคิด... ด่ำด๊ำยังคุยเรื่องไมเคิลกับน้องมุกก่อนหน้าที่เขาจะตายไปได้แค่ ๒ วัน สัมผัสความตายบนความคิดถึง คนที่ด่ำด๊ำคิดถึงจากไปอีกคนแล้ว ..... ไม่อยากคิดถึงใครอีกแล้ว....





ใครจะคิดว่าปี ๐๙ เป็นปีที่ด่ำด๊ำสูญเสียนักร้องในดวงใจ Michael Jackson (1958-2009) นักร้องผิวสี คนที่ด่ำด๊ำ ทึ่งในความสามารถ ชอบและรักเขาอย่างเต็มหัวใจ รู้สึกผูกพันกับเขาทั้งที่เราอยู่กันคนละซีกโลก ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กจนป่านนี้ แม้วันนี้เราจะอยู่คนละกาลเวลา ความรู้สึกนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป ไมเคิล แจ๊กสัน เป็นศิลปินคนแรกคนเดียวที่ด่ำด๊ำและเพื่อนซี้ ลงทุนเข้ากรุงเพื่อซื้อบัตรดูคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยของเขา แม้จะมีเหตุการณ์ที่เขาต้องยกเลิกคอนเสิร์ตครั้งนั้นไป ก็ไม่ได้ทำให้เรารักเขาน้อยลง และไม่มีอะไรที่จะทำให้ด่ำด๊ำรักเขาน้อยลงไปเลยสักครั้ง

แม้วันนี้จะข่าวอะไรต่อมิอะไรออกมาว่า เขายังไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ อยู่ที่โน่นที่นี่ แต่สำหรับด่ำด๊ำแล้ว เขายังอยู่ในหัวใจและลมหายใจของเราตลอดมา ถามตัวเองอยู่หลายครั้งตลอดระยะเวลาที่ดูการถ่ายทอดพิธีไว้อาลัยที่ Staple Center ตั้งแต่เริ่มจนจบการถ่ายทอดว่า ไมเคิล แจ๊คสันตายไปแล้วจริงๆ หรือ !!

You Changed my World …เส้นทางเดินของไมเคิล สอนให้ด่ำด๊ำรู้จักใช้ชีวิตมากขึ้น ชีวิตที่มีเกิดและดับ มีขึ้นและมีลง สอนให้รู้จักต่อสู้กับชีวิต เหมือนดังคำที่ว่า “ ท้อได้แต่อย่าถอย ถอยได้แต่อย่าล้ม ล้มได้แต่อย่าเจ็บ เจ็บได้แต่อย่าตาย ตายได้ ... แต่ต้องรีบมาเกิดใหม่”

อย่างที่สาธุคุณท่านหนึ่งพูดไว้อาลัยในงาน “ไมเคิล... เป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิต แม้จะล้ม แต่เขาก็กลับมาสู้ใหม่ ไมเคิล ไม่ใช่คนแปลก แต่ผู้คนและ สิ่งที่เกี่ยวพันกับเขาต่างหากเป็นสิ่งที่แปลก ”

เป็นคนเดียวที่ด่ำด๊ำถาม Searh Engine อย่าง Google.com ว่า “ วิญญาณไมเคิลอยู่ที่ไหน ? ” และด่ำด๊ำก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ ไมเคิล เป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว มีความฝัน ภายใน ๒๐ ปี ไมเคิลจะกลับมาเกิดใหม่ ในขณะที่ดวงวิญญาณทั่วไปต้องใช้เวลาถึง ๑๕๐ ปีถึงจะมาเกิดใหม่

เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ชีวิตมีเกิดและมีดับ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เมื่อตายไปร่างกายเราจะสลายร่างกลับไปเป็นธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนดวงจิตก็ไปหาธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่อรวมจิตกลับมาเป็นชีวิตใหม่อีกครั้ง ตราบเท่าที่เรายังต้องการเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ “ ทำดีได้ไปสวรรค์ ทำชั่วนรกลงฑัณฑ์ ”

แต่เรายังมีธาตุทั้ง ๔ ยังมีลมหายใจรวมอยู่เป็นร่างให้จิตของเราได้อยู่อาศัย ไม่มีใครหนีความตายไปได้ การไม่ประมาทกับชีวิต ดำรงอยู่ด้วยการประพฤติอยู่ในศิลอันดี ให้ทาน สวดมนตร์ และทำสมาธิ จะเป็นหนทางให้ดวงจิตของเราพบความสงบทั้งที่ยังมีลมหายใจ และยามที่ทิ้งร่างจากโลกนี้ไป และเป็นหนทางที่จะพาเราไปสู่ภพภูมิที่ดี และเลือกเกิดได้อย่างที่เราอธิษฐาน

ชิวิตนี้ รู้สึกดีใจและมีความสุขที่ได้เกิดมาทันศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล “ไมเคิล แจ๊กสัน “ มีความสุขที่ได้เห็นหน้าเขา ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ครั้งก็ตาม มีความสุข ความฝัน สนุกสนานไปกับการติดตามข่าวสาร และเสียงเพลงของ King of Pop หากแต่วันนี้ เวลานี้ แม้ว่าจะผ่านไปกว่า ๙๐ วันแล้ว ความคิดถึงยังไม่จางหายไปไหน ..... ขอความดี กุศลธรรมที่ด่ำด๊ำได้ทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้นำพาให้พบเจอคนที่รัก คนที่คิดถึงทุก ๆ คนทุกชาติไป.........In loving memory of Michael Jackson King of Pop (1958-2009)


RuNNy 29/9/09

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

BaTmAn :: Love yOu Forever


ฟังเพลง Billie Jean
Powered by you2play.com



เรียน เรียน ...โดดได้โดดไปแล้น

ผ่านไป ๓ เดือนกว่า ๆ สำหรับเทอมแรกปี ๒ และเรายังคงมีเรา เทอมนี้เรียนวิชาหมู ที่ไม่หมู สัมมนาเรื่องหมู ที่หมูมาก ๆ สำหรับด่ำด๊ำ เทอมสุดท้ายของ Coursework กำลังจะหมดลงในไม่ช้า แต่ยังเหลือเวลาสำหรับการทำ Thesis อีกตั้งหลายเทอม เด็ก ๆ ในบ้านเชียร์ให้ทำด๊อกเตอร์ต่อ .....ด๊อกเตอร์มนตรีได้ป่าวล่ะ


งาน งาน ... ไม่หลบไม่อู้ กูก็แย่

ตอนนี้ที่ทำงานเหลือด่ำด๊ำคนเดียว รักษาการตั้งแต่หัวหน้าฝ่ายไปจนภารโรง ปิดไฟ ปิด แอร์ ล๊อกกุญแจสำนักงาน เพราะว่าน้องเลขาตกรถเมล์ คาดว่ายังเจ็บไม่พอ ตกส้นสูงอีกเด้ง ผลปรากฏว่า กล้ามเนื้ออักเสบ เดินไม่ได้ไปหลายวัน ขาดงานไปหลายวันแล้วด้วย พี่อีกคนไปไหว้เจ้า และอีกหลายคนต้องไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนหัวหน้าอ้วนดำไปทัวร์คนแก่ บินไปตรวจรับรองโรงงานที่เยอรมันกะฝรั่งเศส กลับมาก็จะไปจีนต่อ ทิ้งลูกน้องตัวดำ ๆ เผชิญชะตากรรมแต่เพียงลำพัง

ต่อจากนี้จนถึงสิ้นเดือน ก็คงไม่มีเวลาแล้ว โปรแกรมออกไปตรวจรับรองยาวเหยียด รับบทบาทหัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินบริษัทยักษ์ใหญ่อีกต่างหาก เตรียมพร้อมกับการนำเสนองานสัมมนาเสาร์หน้า รีบปั่นปัญหาพิเศษให้เสร็จ แล้วก็รอสอบอีกครั้ง ชีวิตด่ำด๊ำ ก็จะเป็นไทแล้ว





รักแท้คือยายข้า.... รองลงมาคือป้านก

เดือนที่ผ่านมา หมอทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่งหัวใจสลาย ร้องไห้ฟูมฟาย กับความผิดหวังที่จะได้มาเที่ยวกับหมอ เด็กหนุ่มคนนั้น คือหลานจ๊วยของด่ำด๊ำ วิ่งไปบอก ยายว่า จะไปกับป้าหมอ แล้วจะนั่งรถไฟกลับมาบ้านเอง ทำไงได้ล่ะ ป้าหมอต้องกลับไปขึ้นเวร ส่วนอาด่ำด๊ำต้องไปตรวจงานต่างจังหวัด เอ็นดูปนสงสาร .. เอาไว้ปิดเทอมจะพามาเที่ยวสวนสัตว์ แล้วขึ้นรถไฟฟ้าแทนก็แล้วกันนะ

หลานจ๊วย ตัดผมสั้นแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า ครูของหลานจ๊วย ดันจำลูกศิษย์ตัวเองไม่ได้ซะง๊าน จำไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เลยสั่งตัดผมสั้นซะง๊านแหละ .... ก็ดีจะได้เลิกเข้าใจผิดกันเสีย







หมอนก ... หัวใจทองคำ

อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันเกิดหมอแล้ว กะว่าวันนี้จะออกไปซื้อทองสักหน่อย ราคาทองคำก็พรุ่งพรวดจนด่ำด๊ำซื้อไม่ลง รอราคาลงก่อนแล้วกัน แต่ถ้ารอไม่ไหว จะรับทองม้วนสัก ปี๊บ ก่อนไหมคับ คริ คริ (^________^))


ครบรอบวันเกิดหมอนกอีกครั้ง วันที่ ๖ กันยายน และขึ้นปีที่ ๖ สำหรับเรา ... ขอความสุขอยู่กับเราตลอดไป รักแม่ รักหมอ รักน้องกานต์ รักน้องกิ่วกิ้ว และรักพี่ไมค์ตลอดไปนะคับผม (^_____^))

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Michael Jackson (Tribute)




Like A Comet
Blazing 'Cross The Evening Sky
Gone Too Soon

Like A Rainbow
Fading In The Twinkling Of An Eye
Gone Too Soon

Shiny And Sparkly
And Splendidly Bright
Here One Day
Gone One Night

Like The Loss Of Sunlight
On A Cloudy Afternoon
Gone Too Soon

Like A Castle
Built Upon A Sandy Beach
Gone Too Soon

Like A Perfect Flower
That Is Just Beyond Your Reach
Gone Too Soon

Born To Amuse, To Inspire, To Delight
Here One Day
Gone One Night

Like A Sunset
Dying With The Rising Of The Moon
Gone Too Soon

Gone Too Soon


























You'll alway be The King of Pop and you'll alway in my heart ... Love you forever.

RuNNy .. Prince of Night

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

BaTmAn :: อโรคยา



.Song : Dead and Gone / T.I.

.


เปิดเทอมได้ ๒ สัปดาห์แล้ว เสียงกิจกรรมจากการรับน้องยังคงดังกระหึ่มไปทั้งมหาวิทยาลัยและหอพัก ทั้งหอนอกและหอใน ทั้งวันและเกือบทั้งคืน สงสัยพลังงานจะเหลือเฟือ ว๊ากกันได้ทั้งวันและเกือบครึ่งคืน ท้องฟ้าที่มหาวิทยาลัยยังคงเป็นสีฟ้า เมฆยังคงเป็นสีขาว ภูเขาและ ต้นไม้ชุ่มชื้นไปด้วยสีเขียว ...ส่วนด่ำ ด๊ำ ยังคงดำ เหมือนเดิม

เทอมนี้ลงเรียน Course work เทอมสุดท้ายแค่ ๓ วิชา เป็นวิชาที่ต้องสอบเอาเกรด ๑ วิชา ที่เหลือเป็นสัมมนา และปัญหาพิเศษ...ที่ยังคิดปัญหาไม่ออกเป็นพิเศษ เกรดอยู่กับการนำเสนอผลงานของเรา เด๋วก็รู้ !!

วิชาที่ต้องสอบเอาเกรด มีอาจารย์ปราบเซียนสอนถึง ๓ คน วิชาที่ไหนทีมีอาจารย์สอน ๓ คน ด่ำ ด๊ำ ไม่เคยทำได้เกรด A สักที อย่างมากสุดก็แค่ B+ ส่วนวิชาสัมมนา เทอมนี้สร้างความกดดันให้กับตัวเองพอควร เพราะว่าเทอมที่แล้ว ด่ำด๊ำ ได้เกรด A คนเดียวของห้อง ... ท่องไว้ ของดีย่อมไม่มีวันเสื่อมแน่นอน !!

เทอมนี้ ได้อาจารย์ที่ปรึกษาปัญหาพิเศษ เป็น ดร.ปัทม์ เอก Genetic แต่เราไม่ได้ทำเรื่องพันธุกรรมอย่างที่อาจารย์ถนัดซะง๊านแหละ เทอมนี้ด่ำด๊ำ Request อาจารย์ที่ปรึกษาปัญหาพิเศษและสัมมนาด้วยตัวเอง เพื่อลดปัญหาอาจารย์ใจร้ายกะลูกศิษย์ขี้เล่น ลดช่องว่างระหว่างวัย เพราะงานนี้ทั้งศิษย์และอาจารย์ Hip พอกัน

ส่วน Thesis คงเป็นเรื่องของอนาคต แต่ด่ำด๊ำ ก็มีเป้าหมายอาจารย์ที่ปรึกษาท่านต่อไปแล้ว ... เสียงอาจารย์เปรย ๆ ว่าจะรีบจบไปไหน มีเวลาเรียนให้ตั้ง ๕ ปีน่ะ ....บายล่ะคับผม ไม่อยากเป็นทวดรหัส คริ คริ (^______^))



วันเปิดเทอมที่ผ่านมา หมอมานอนเป็นเพื่อนอยู่สองคืน พาตะลุย Central Plaza ในตัวเมืองชลบุรี แล้วก็ไปเที่ยว Central พัทยาต่ออีกวัน ผู้คนล้นหลาม ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน เพราะว่าเป็นวัน Grand Opening ของ Central ชลบุรี กว่าจะหาที่จอดรถได้แทบจะต้องบนบานศาลกล่าว เล่นเอาแทบถอดใจ สุดท้ายเราก็ได้ที่จอดรถ

วันนี้ห้าง ลด แลก แจก แถมกันกระหน่ำ ร้านขายอาหารแต่ละร้านเต็มไปด้วยคิวแถวยาวเหยียด แม้แต่ร้านขนมจีนเล็ก ๆ บนห้าง แล้วเราก็เป็นหนึ่งในคิวนั้นเช่นกัน ....

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่เมื่อก่อนแอนตี้พฤติกรรมแบบนี้ จะเอาเงินมาให้ ยังต้องเข้าคิวอีกหรอ ในที่สุดเราก็ตกอยู่ใจวงจรนั้นจนได้ อิ่มเสร็จหมอพาไปดูโชว์ ปลาอวกาศประกอบดนตรี ผลงานของหนุ่มน้อย ชาวเยอรมัน .. ที่หอบผลงานข้ามน้ำ ข้ามฟ้ามาโชว์ถึงเมืองไทย เพลงน่ารัก จนเราอยากจะลอยเป็นปลาซะง๊านแหละ (^_____^))



หมอได้หนังสือ The Top Secret ของ ทันตแพทย์สม สุจีรา ติดมือมาสองเล่ม เล่มแรกด่ำด๊ำ อ่านไปบ้างแล้ว ขออ่านเล่ม ๒ แล้วกัน มีคำโปรยจากปกด้านหลังว่า

“ หากต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีอิสรภาพทางการเงิน เรียนเก่ง ธุรกิจเจริญก้าวหน้า ครอบครัวอบอุ่น สุขภาพแข็งแรงไร้โรค ห้ามพลาดความลับที่รออยู่ในหนังสือเล่มนี้ แล้วจะรู้ว่า สมอง จิต และสติ มีพลานุภาพยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิด ”

ความลับนี้เอง ที่ทำให้รู้ว่า ตัวเองมีความคิดที่คนอื่นไม่มี ..พรสวรรค์ที่หยิบติดไม้ติดมือตอนลงมาเกิดในท้องแม่ และมันก็ยังอยู่กับเราจนถึงวันนี้



ตอนนี้เลิกฝันถึงบาหลีแล้ว เพราะเราเลือกที่จะไม่กลับไปคิดอีก ไม่คิดก็เลิกนอนฝัน แต่ก็ยังไม่เลิกฝันที่จะไปบาหลีอีกครั้งหนึ่ง หมอเริ่มอ่านหนังสือ Backpack to Japan แล้ว
ถึงเวลาที่ดำด๊ำ จะต้องกลับมา Fit and Firm ให้ได้ในเร็ววันที่สุด

เมื่อคืนฝันว่า ลูกพี่อ้วนดำเป็นหมอใหญ่ จับลูกน้องอย่างด่ำด๊ำ Diag โรคซะเอง เป็นลูกพี่คนเดียวที่ห่วงสุขภาพลูกน้องอย่างออกหน้าออกตาทั้งเรื่องจริงและเรื่องฝัน

ตอนนี้ด่ำด๊ำ กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวว่า คำทำนาย จะเป็นจริง หมอดู ๓ คนทักทายเมื่อปีก่อนว่า จะมีการผ่าตัด ด้วยอาการป่วยในตัวเอง พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า

“ การไปหาหมอไม่น่ากลัว แต่การมีแฟนเป็นหมอน่ากลัวกว่า ”

เพราะเราอาจจะถูกแยกชิ้นส่วนได้ทุกเมื่อ ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ (^_____^))







คนที่ไม่มีความฝัน เปรียบเหมือนคนที่ตายไปแล้ว คนที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องก้าวเดิน ทำหน้าที่ของตัวเองกันต่อไป ตราบเท่าที่ร่างกายของเรายังไหว ดังคำพระสอนว่า

“ การเจ็บป่วย การตายจากเป็นเรื่องธรรมชาติ การมีไฝ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติเช่นกัน ”

อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

อนุภรรยา ปรมาลาภา ฉันใด
อบาทาภรรยา ปรมาลาภา ฉันนั้น

แปลว่า

การมีกิ๊กเป็นลาภอันประเสริฐ ฉันใด
การไม่เจอบาทาจากภรรยา ก็เป็นลาภอันประเสริฐฉันนั้น

การไปหาหมอไม่น่ากลัว แต่การมีแฟนเป็นหมอน่ากลัวกว่า

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคับผม
คิดถึงคนที่บอกว่า คิดถึงรันเหมือนกัน (^______^))

.

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

BaTmAn :: นาฏกรรมความฝัน

.
CARELESS WHISPER My Music 3 - by GEORGE MICHAEL

.
.
นาฏกรรมความฝัน

เปิดเทอมแล้ว ...ความเป็นไท กำลังจะหมดลงไปทุกที ชีพจรวิ่งจากสมองลงติงทีไร รู้สึกเครียด ๆ หนัก ๆไงก็ไม่รู้ เดือนสองเดือนนี้ มีโปรแกรมไปต่างจังหวัดถี่ยิบ ทั้งตรวจงานและเข้าโปรแกรมอบและรมแถมวิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ไม่ง่ายอย่างที่คิด ที่คิดว่าจะจบภายใน ๒ ปี คงต้องเลื่อนออกไป นานจนกว่าเราจะทำสำเร็จ นักวิชาการระดับ ๗ ที่ว่าชำนาญการ จะทำ Thesis จบป่าว ยังไม่รู้เลย

จนไม่อยากจะไปเรียนซะง๊านแหละ แต่ก็รู้สึกดีทุกครั้ง ที่มีหมอมาอยู่เป็นเพื่อนในวันเปิดเรียน ไปรับ - ไปส่งถึงหน้าห้องเรียน ไปกินข้าว เที่ยวโน่นเที่ยวนี่ และอยู่เป็นความอบอุ่นตั้ง ๒ คืน

ไม่รักหมอ แล้วจะไปรักหมาที่ไหนล่ะเนี่ย ... นอกจากน้อยหน่าตัวเดียว ขอแถมน้องแมวเล็ก ๆ อีก ๒ ตัว คุณชายเทวดากะแจ๋วใจดี ก็แล้วกันน๊า (^___^))

เมื่ออาทิตย์แล้ว เกิดอาการป่วยแบบไม่ตั้งใจ น้องที่ทำงานป่วยหนัก ถึงขนาดไอโขลก ๆ แข่งกันแพร่เชื้อโรคในที่ทำงาน คนอาการปกติอย่างด่ำด๊ำ ๆ เลยต้องเป็นฝ่ายเสียสละ ยอมหยุดงานไปเสียเอง จะไม่หยุดยังไงได้ล่ะ ทั้งห้องมี ๓ คน ป่วยซะ ๒ คน อีกคนจะไปเหลือเร๊อะ ไปอ้อนหมอซะ ๓ วัน สบายใจไปเลย (^___^))




เป็นอันว่า ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว เรื่องราว Bacpack เที่ยวไม่ง้อทัวร์คนไทยที่เกาะบาหลี เป็นอันต้องระงับการบอกเล่าเป็นการชั่วคราว หรือถาวร ก็คงแล้วแต่วาสนา

เพราะตั้งแต่กลับมาจากบาหลีจะได้ ๑ เดือนแล้ว ด่ำด๊ำ ฝันถึงสิ่งลี้ลับเกี่ยวกับเกาะบาหลี ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ท้องทะเล ตลอดทุกคืนที่ผ่านมา ฝันทุกคืน จนหมอค่อนขอดเอาว่า

“ ไอ้ดำ บินบาหลีฟรีทุกคืนเลยนะ ”

“ โธ่หมอ ใครเขาอยากจะฝันถึงเรื่องราวลึกลับ ดำมืดอยู่ทุกคืนล่ะ ” ทุกวันนี้ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลย .... เกิดอะไรขึ้นกับจิตใต้สำนึกเรา รู้แต่ว่า ... ด่ำด๊ำกะหมอจะ กลับไปบาหลีอีก (^______^))




ถึงตอนนี้พี่หมอ เพื่อนร่วมอาชีพของหมอนกอีกคน เพิ่งกลับจากเที่ยวไม่ง้อทัวร์ที่สวิสเซอร์แลนด์ เอาภาพ เอาเพลงสวิส แถมซื้อซีดีเส้นทางท่องเที่ยวสวิสมาฝากหมอ บอกว่า ประสบความสำเร็จกับการเที่ยวไม่ง้อทัวร์ที่บาหลีแล้ว อยากให้เราไปเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ที่สวิสฯ ต่อ

โห !! มากระตุ้นความอยากกันซะง๊านแหละ คิดหรอว่าไม่อยากไป ดินแดนในฝันของด่ำ ด๊ำที่ อยากจะ Backpack เที่ยวไม่ง้อทัวร์ไปทั้งยุโรปเลยล่ะ ... รอให้ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นก่อนเต๊อะ (^_____^))



ความฝัน ความหมาย เป็นได้ทั้งอดีตและอนาคต อดีต ... เป็นเรื่องราวที่ผ่านเลย เป็นความฝันที่เกิดขึ้นกับด่ำด๊ำตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา และอนาคต เป็นเรื่องราวที่เรายังเข้าไปไม่ถึง

ความฝัน คือ อดีตของความคิดที่ฝังรากลึกอยู่ในก้นบึ้งสมองและความทรงจำของจิตใต้สำนึก ดวงตา เก็บภาพความทรงจำ และจิตนั่นเองที่ปรุงแต่งเป็นเรื่องราวในยามหลับใหล .... และฝันเป็นเรื่องเป็นราวเป็นตุเป็นตะขึ้นมา

ความฝัน คือ อนาคตของความคิด ที่รอผลของการกระทำให้เป็นจริงขึ้นมา แม้ว่าหลายความฝัน ถูกทำให้เป็นจริงมาแล้วหลายเรื่อง ทั้งหน้าที่ การงาน ความสุข เงิน ทอง และคนข้างตัว หากแต่ยังมีอีกหลายเรื่องราวยังคงรอคอยอยู่บนเส้นทาง...ห่างไกล



นาฏกรรมความฝัน ของด่ำด๊ำ มีทั้งยามหลับและยามตื่น มีทั้งอดีตที่รอคอยให้เรากลับไปไปพิสูจน์ และอนาคตที่กำลังรอให้ไปค้นหา

ความฝัน เป็นสิ่งดีเสมอ เป็นแรงกระตุ้น ผลักดันเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้า แม้ว่าเราจะเดินไปข้างหน้าเพื่อถอยหลังไปหาอดีตบนเส้นทางที่เคยผ่านทาง ความฝันที่ก้าวไปหาฝัน เรามักจะได้คำตอบที่แปลกใหม่ มีเหตุผล และมีความสุขกับมันเสมอ



ใครบอกว่าความฝันไม่มีสี ... แต่ความฝันของด่ำด๊ำมีสี ท้องทะเลสีน้ำเงินเข้ม คลื่นลูก โต ๆ และหญิงสาวผมยาว ที่นั่งอยู่บนเตียงปลายเท้าด่ำด๊ำ ในโรงแรมแห่งหนึ่ง และหลายเรื่องราว ล้วนแต่มีสีสัน




เสียงเพลงบรรเลงสไตล์บาหลี Bali Sunrise ยังคงเป็นเพลงที่ทรงมนต์ขลัง ที่ยังฟังได้ไม่รู้เบื่อ จากแผ่นดินที่ไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยว ... แต่แล้วเรากลับหลงเสน่ห์ บ้านเมือง วัฒนธรรม น้ำใจไมตรี และผู้คน จนอยากจะกลับไปอีกครั้ง




ยังจำความรู้สึก ถึงครั้งที่เครื่องบินกำลังไต่ระดับจากสนามบิน NguRah rai ขึ้นท้องฟ้าเบื้องบน มากรุงเทพฯ มองเห็นท้องทะเล เห็นแนวหน้าผาวัดอาลูวาตูเบื้องล่าง ยกมือโบกลาไปยังผืนน้ำ แผ่นดินบาหลี .. รู้สึกตื้นตันจนบอกไม่ถูก แล้วจะกลับมาใหม่ ... ด่ำด๊ำไม่อยากจากบาหลี หรือ ไม่อยากจากอ้อมกอดหมอก็ไม่รู้




ปล. ๑ สำหรับเพื่อนสาวในอเมริกา
หมอรับทราบคำเชิญและชวน ที่ชวนรันนี่กะหมอไปเที่ยวเมกาแล้ว แต่เกรงว่า เพื่อนสาวกะหมอเจอกัน จะกลายเป็นยักษ์วัดแจ้งกะยักษ์วัดโพธิ์เจอกัน เจอกันเมื่อไร ต้นหญ้าอย่างด่ำด๊ำคงแหลกราน ... ล้อเล่นนะคับผม (^______^))


ปล.๒ สำหรับทุกคน...ที่ผ่านทาง
มีความคิด อยากส่งถึง คิดถึงทุกคนนะคับผม

ปล.๓ สำหรับตัวเอง
ขอให้ทุกความฝัน ได้พบโอกาสที่เหมาะสมและถูกกระทำให้เป็นจริง และได้คำตอบที่พอใจและมีความสุขกับมันในทุก ๆ ความฝัน

ปล.๔ สำหรับหมอ ..... ขอบคุณที่ร่วมฝัน

.
.
.
ปล. ท้ายสุดมักยิ่งใหญ่เสมอ
ร่วมส่งกำลังใจให้พังกำไร ขอให้อดทนและเข้มแข็ง ก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวด หายวันหายคืนนะคับผม รักษ์ช้าง รักเธอ...ประเทศไทย (^____^))
.
.

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

BaTmAn :: Bali is so RomAntic (Part 2)

.
.
.
.

Bali is so RomAntic (Part 2)
.
.


ช่วงนี้ไม่มีโปรแกรมออกไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด ลั๊นลาอยู่ใน กทม.นี่แหละ แต่เน็ตที่กรมฯ ดันเจ๊งซะง๊านแหละ .....เกิดอาการเซ็งเป็ด จะทำงานส่งอาจารย์ก็ทำไม่ได้

หมอนกเล่าที่มาของคำว่า “ เซ็งเป็ด” ที่พี่หมอที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกะหมอนก เล่าเอาไว้ว่า ช้าง ม้า วัว ควาย เป็ด ไก่ พากันไปเที่ยว ไปเที่ยวมากี่ครั้ง ๆ เป็ดก็ชวนเพื่อนกลับท่าเดียว ด้วยคำร้อง ก๊าบ ก๊าบ กั๊บ กั๊บ ......แล้วงี้เพื่อนจะไม่เซ็งเป็ดอย่างไงไหวล่ะ

ครั้งที่แล้วที่ไปบาหลี และไปพักที่เมือง Ubud เราได้ซื้อโปรแกรมทัวร์จากที่พักเรา Swan Inn ไปเที่ยว Kintamani ในราคาคนละ ๑๗๐.๐๐๐ รูเปี๊ยะห์ (ไม่รวมค่าผ่านประตู ค่าข้าว )

มีเส้นทางท่องเที่ยวจากเมือง Ubud ไป Kintamani แวะท่องเที่ยววัด และสถานท่องเที่ยวรายทางไปเรื่อย ๆ โดยมีลุง Dewa เป็นพนักงานขับรถและไกด์ให้กับทริปของเรา

เพื่อนร่วมทริปของเรา เป็นสาวฝรั่งเศส ๑ คน สาวออสเตรเลีย ที่เกิดในเมืองไทย เรียนโรงเรียนไทย หน้าตาฝรั่งจ๋า แต่พูดไทยชัดแจ๋ว เธอมาเที่ยวกะหนุ่มมาเลเซีย แล้วก็เราคนไทย ๒ คน ทำไปทำมา เหมือนมีคนไทย ๓ คน รวมลุง Dewa ด้วยเป็น ๖ คน ด้วยรถ Toyata Kijang




ที่แรกของทริป คือ Goa Gajah (กัวกาจา หรือ ถ้ำช้าง) ที่นี้ถูกค้นพบโดยกองทัพเนเธอแลนด์ เมื่อครั้งเข้ามายึดเกาะบาหลี ปี ๑๙๒๓ ถ้ำช้างอยู่ต่ำกว่าพื้นดินปกติมากเอาการ เลยหละ หน้าถ้ำเป็นรูปช้าง

เราเดินเข้าไปในถ้ำ เหมือนอ้อยเข้าไปในปากช้าง เส้นทางเดินภายในถ้ำเป็นรูปตัว T ด้านหนึ่งเป็นรูปพระพิฆเนศ อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ ๓ แท่ง แทนเทพ ๓ องค์ คือ พระศิวะ พระนารายณ์ พระวิษณุ




เราเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้า อ่านป้ายประกาศหน้าวัด มีข้อความว่า ห้ามคนที่มีประจำเดือนเข้าไปในสถานที่นี้อย่างเด็ดขาด ไม่มีใครรู้ใครนอกจากนักท่องเที่ยวเองแหละ

ว่ากันว่า คนที่มีประจำเดือน หากเข้าไปในวัดจะมีอาการคันเนื้อคันตัวออกมาเลยล่ะ บางวัดจะมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์กลิ่นกันเลยล่ะ เขาว่าคนมีประจำเดือนจะมีกลิ่นไม่เหมือนใคร .. แน่ละสิ มันคงไม่หอมเท่าไหร่หรอก




ที่วัดนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำไหลออกจากปากปล่องที่แกะสลักเป็นรูปอิสตรี ๖ นาง ที่เชื่อกันว่า พระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำขึ้นมา เชื่อกันอีกว่า ใครได้มากินน้ำ อาบน้ำ ที่บ่อศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง ....อย่างเรา ๆ คงหมดสิทธิ์ คริ คริ




วัดนี้ มีต้นไม่ใหญ่มาก ๆ หลายต้น คนบาหลีเชื่อมั่นและเคร่งครัดในศาสนาอย่างมาก เขาจะไม่ตัดไม้ ทำลายป่า เพราะเขาเชื่อว่า ต้นไม้ ก็มีชีวิตเหมือนอย่างเรา ๆ รู้จักหิว รู้จักหนาว รู้จักที่จะรักมีชีวิตยืนยาว





ออกจาก ถ้ำช้าง Goa Gajah ลุง Dewa พาเราไป Pura Tirta Empul หรือ Tempaksiring หรือ วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่า พระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำ ขึ้นมาเช่นกัน ตอนที่เราไปเป็นช่วง Ceramony ผู้คนแต่งตัวสวยงาม ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ทยอยกันมาเรื่อย ๆ





ประตูทางเข้า Pura Tirta Empul เล็กนิดเดียวเอง สร้างตามคติความเชื่อของคนบาหลี เหนือประตูสูงสุดเป็นรูปหน้า Barong สอบถามได้ความว่า เป็นเทพของคนบาหลี




เข้าวัด ทำบุญ ผู้ชายจะแต่งตัวแบบนี้ เรียกได้ว่า เป็นเครื่องแบบประจำชนเผ่าบาหลีก็ว่าได้ เห็นได้ทั่วไปทั้งบริษัท สถานที่ราชการ และร้านค้าในสนามบิน




บนยอดเขา เป็นบ้านพักของอดีตประธานาธิบดี ซูการ์โน ที่ว่ากันว่า มาสร้างบ้านพักเพื่อมาดูสาวบาหลี เปลือยอกอาบน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ลุง Dewa บอกว่า ประธานาธิบดีคนนี้มีเมียเยอะ ... ก็คงมาจากกิเลสตัณหาจากการดูสาว ๆ นี่แหละ

ส่วนผู้หญิงที่เดินอยู่เดินล่าง ถือแกลลอนมาใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์เต็มไม้เต็มมือเลยล่ะ มีน้ำ ศักดิ์สิทธิ์ใส่ขวดวางขายด้วยดิ





บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายอาบน้ำ ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ผู้หญิง จะต้องเปลือยอกอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเราก็เห็นป้าคนหนึ่ง พยายามทำกระโจมอกหลวม ๆ
ไล่อาบตั้งแต่จุดที่ ๑ ไปจนจุดสุดท้าย เป็นอันเสร็จพิธี ... ใครก็ตามที่ได้อาบน้ำแล้วจะ พบ กับความโชคดีตลอดไป .. อยากลงไปอาบกะเขาเหมือนกัน ไหน ๆ ก็มาถึงบาหลีแระ อย่าคิดนะ ว่าดำด๊ำจะเปลือยอกอาบน้ำเหมือนอย่างเขา

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เปิดให้คนนอกเขาไปดูได้ ไม่หวงห้าม ตอนที่เราเข้าไป มีหนุ่มฝรั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำกะเขาด้วย




เครื่องบูชาเทพของคนบาหลี ที่นับถือ พระนารายณ์ พระอิศวร และพระวิษณุ เดินไปดูใกล้ ๆ เห็นผ้าสีพับ ไว้ใส่พาน แล้วดอกไม้พวกลีลาวดี เฟื่องฟ้า ใบข่าหรืออะไรสักอย่างหั่นฝอย ๆ ใส่กระทงเล็ก ๆ ใบมะพร้าวทำเป็นลวดลาย ประดับประดาสวยงาม มีสัปทนกลางกั้นไว้ด้วย



คนบาหลี ไม่นิยมทำรูปบูชา เหมือนอย่างบ้านเรา ศรัทธาอยู่ในใจ ศาลาที่เห็นก็เป็นศาลาเปล่า ๆ ไม่มีรูปปั้นหรืออะไร ข้างในทางสีด้วยสีแดง สีทอง ประดับด้วยกระจกสี ดูสวยงาม ส่วนหลังคามุงด้วยหญ้าอะลัง ซึ่งเป็นหญ้าพื้นเมืองของเขา .. มุงอย่างแน่นหนา รับรองไม่มีรั่วอย่างเด็ดขาด



ตอนเข้าไป เขากำลังทำพิธีกรรมอยู่ ผู้นำแต่งชุดขาว แล้วก็มีชาวบ้านมานั่งร่วมพิธี เห็นแว๊บ ๆ ว่ามีเทน้ำลงพื้น ดูคล้ายกับการกรวดน้ำอย่างที่พุทธเราทำ

มีป้ายเตือน ห้ามนักท่องเที่ยวเดินหรือหยุดบริเวณทำพิธี แต่เราเห็นนักท่องเที่ยวผิวเหลืองจากฝั่งตะวันออกเดินทำทองไม่รู้ร้อน .. มีตาหามีแววไม่



ศาลาที่ตบแต่งอย่างสวยงาม น่าจะเป็นศาลาเทพซะมากกว่า เห็นด้านบนเป็นรูป Barong ด้วยดิ




เสร็จจากเที่ยววัด Tempaksiring ตอนเดินออกมา หมอนกโดนคนขายที่ระลึกฉุดรั้งให้ดูสินค้าก่อน แถมคนบาหลีที่นี่ พูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัดแจ๋ว

ที่สำคัญ ใคร ๆ ก็หาว่าหมอนกเป็นญี่ปุ่น แต่ไหงแกพูดไทยใส่หว่า ทั้ง ๆ ที่คณะของเรารวมมิตรจะตายไป

ลุง Dewa พาไปชิมกาแฟบาหลี ก่อนเข้าถึงร้านกาแฟ มีสวนพฤกษศาสตร์เล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ด้วยแหละ

รูปนี้ ลุง Dewa บอกว่าเป็นฟักทองบาหลี ดูแล้วคล้าย ๆ ลูกมะระแม้วมากกว่า ไอ้ครั้นจะพูดว่าเหมือนฟักแม้ว ก็กลัวลุง Dewa เข้าใจว่า Fuck meaw …. คนไทยคิดมิดีมิร้ายกะแมวแน่ ๆ เลย

* คนบาหลีเรียก “ แมว ” เหมือนกับบ้านเราเปี๊ยบเลย คำว่า แมว เลยเป็นคำสากลสำหรับไทยกะบาหลีไปแระ



เข้าไปถึงหน้าร้านกาแฟ มีป้าคนนี้มาสาธิตวิธีการคั่วกาแฟให้นักท่องเที่ยวดู คงอยู่มานาน จนรู้มุมกล้องนักท่องเที่ยวไปหมดแระ ... เห็นควันไฟโขมงในสวน ชวนนึกถึงบ้านผีปอบซะทุกทีเลย คริ คริ




ลูกสีเหลืองคือโกโก้ เอามาทำช็อคโกแล็ต ส่วนเม็ดเล็ก ๆ ในถาด เป็นเม็ดกาแฟ ฝักยาว ๆ ในถาดขาว เป็นวนิลา





เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ทางร้านทำให้นักท่องเที่ยวชิมฟรี ไม่เสียตังค์ มีกาแฟ ช็อคโกแลต น้ำมะตูม แล้วก็กาแฟผสมโสม ทุกถ้วยอร่อยหมดเลย

ส่วนที่อยู่ในตุ่มเล็ก ๆ เป็นอบเชย เอาไว้แต่งกลิ่นกาแฟ ... เราไม่กล้าใส่หรอก เพราะไม่เคยกินกะกาแฟ เคยกินที่อยู่ในเครื่องแกงเท่านั้นแหละ

หมอนกซื้อกาแฟกลับมาฝากพี่หมอ เพื่อนหมอที่เมืองไทย คนขายชื่อ Dewa No2 ( ชื่อเหมือนลุง Dewa) พูดภาษาไทยได้ งานนี้ด่ำ ด๊ำเลยต่อโหด โทษฐานที่พูดภาษาไทยได้ แต่ก็หมดไปเป็นหลักแสน เหมือนกัน





ตัวนี้เป็น Lawak ต้นกำเนิดของทฤษฏี Detoxification มันเป็นสัตว์ป่าที่มากินเม็ดกาแฟแล้วทำให้ถ่ายท้อง

คนเลยลอกเลียนแบบมันเสียเลย Detox ของเสียออกจากร่างกาย ด้วยกาแฟ จะกิน หรือสวนก้น สุดแต่ใจจะไขว่คว้าแล้วกัน




เสร็จแล้วลุง Dewa ก็พาไป Lake Batur ต่อ ถนนเริ่มแคบลง คดโค้ง ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ อากาศเริ่มเย็นลงไปทุกที ๆ




ทะเลสาบ Batur แห่ง Kintamani เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี ชาวบาหลีเชื่อกันว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตของเทวีดานู เจ้าหญิงแห่งทะเลสาบ ...วันนี้มีเมฆฝนเยอะ ฟ้าไม่ใส ทะเลสาบก็เลยไม่สวย




แต่ถึงเมฆจะเยอะยังไง ก็ยังมีช่องทางให้นักเดินทางอย่างเรา ๆ เห็น Mount Akung ภูเขาไฟที่ยิ่งใหญ่ของบาหลีกันบ้างล่ะ




หนุ่มผมทองคนนี้ เช่ารถ Vespa ขับมาจากเมือง Ubud ... คราวหน้าจะเช่าขับบ้าง หมอกล้าซ้อนท้าย ด่ำ ด๊ำป่าว




เที่ยวมาครึ่งวันแล้ว ลุง Dewa พาเราไปหม่ำข้าวที่ร้าน Mahagiri ที่ Kitamani ที่นี่มีที่พักด้วย แถมมีกีฬาแบบ Adventure แบบล่องแก่งให้เล่นด้วยล่ะ

ถนนดำ ๆ หน้าร้าน เป็นถนนวิ่งระหว่างเมือง Ubud – Kintamani เล็กมาก แถมคดโค้ง ป้ายบอกทางก็ไม่มีอีกต่างหาก ... ใครเก่งจริงก็เชิญได้เลย






มองจากร้านอาหารเห็น Rice terrace นาข้าวแบบขั้นบันไดอยู่เบื้องล่าง ....ภูมิปัญญาของคนบาหลี ที่คนไทยไม่เคยเอาเป็นเยี่ยงอย่างสักที




ใครต้องการพักแบบธรรมชาติ เล่นกีฬาแบบผาดโผน ติดต่อได้ที่ รีสอร์ทของ Mahagiri




สาวคนนี้ หน้าตาบาหลีแท้ ๆ ผิวเข้ม ตาคม ขนตางอนเช๊ง แบบไม่ต้องใช้ขนตาปลอม ทำงานในร้าน Mahagiri มีข้าวสารเม็ด ๆ ติดอยู่ที่หน้าผากด้วย ถามได้ความว่า วันนี้เป็นวัน Ceramony ...

รูปนี้ ได้รับอนุญาตจากสาวเจ้า และหมอก็ไฟเขียว อนุญาตให้ด่ำ ด๊ำไปถ่ายรูปสาวได้ .. ขอบคุณคับผม






อิ่มข้าวแล้ว ลุง Dewa พาไป Pura Alun KulKul Besakih หรือ Mother Temple วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลี ใหญ่ที่สุดในบาหลีด้วยเช่นกัน ภายในวัดนี้ประกอบไปด้วยวัดเล็ก ๆ อีก ๒๓ วัดในเนื้อที่เดียวกัน เรียงรายไปตามไหล่เขากว่า ๗ ขั้น


ทางขึ้นวัดเป็นทางลาดยาวสัก ๑ กม. ตอนที่เราเดินมีเจ้าถิ่นมาเซ้าซื้เราให้ขึ้นรถเครื่องเขาขึ้นไป ตามเราไปจนถึงครึ่งทางน่ะ สงสัยคิดว่าด่ำ ด๊ำเป็นคนบาหลีพาหมอมาเที่ยว


แล้วก็มีคนท้องถิ่น ชอบมาอ้างกับนักท่องเที่ยวว่า วัดกำลังทำพิธีห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไป จะเข้าได้ก็ต้องมีไกด์พาเข้าไป ก็พวกเขาน่ะแหละ ....มีหรอจะได้เงินจากเรา ศึกษามาอย่างดีแล้วคับผม ไม่ยอมเสียรู้ใครง่าย ๆ หรอก




ด้านหลังวัดนี้เป็นภูเขาไฟ Mount Akung หรือ Kunung Akung ครั้งหนึ่งที่วัดเคยมีพิธีบูชาเทพครั้งยิ่งใหญ่ มีประธานาธิบดีเป็นประธาน มีแขกเหรื่อจากต่างบ้านต่างเมืองมาร่วมพิธีกันเนืองแน่น




แต่แล้วก็ข่าวเตือนมาว่าจะเกิดภูเขาระเบิดในวันประกอบพิธี ไม่มีใครเชื่อว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นจริง ภูเขาไฟเกิดระเบิดพ่นลาวา หินหลอมละลายออกมามากมาย ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนั้น ตายเป็นหมื่น






แต่วัดเบซากิ กลับรอดพ้นจากการทำลายของภูเขาไฟไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ เลยได้ชื่อว่า วัดศักดิ์สิทธิ์แห่งบาหลี .... ถ้ามาบาหลี อย่าพลาดที่จะมาชมวัดนี้นะคับผม





ตอนที่ถ่ายอยู่เกือบถึงชั้นสูงสุดของวัดแล้ว ......วัดเบซากิใหญ่มาก ใหญ่จนเก็บภาพไม่หมด





ร้านขายของที่ระลึก ที่ตั้งอยู่เรียงรายทางขึ้นวัด ไม่เซ้าซี้นักท่องเที่ยวด้วย เห็นกล้วยลูกสีส้ม แต่ส้ม กลับไม่ส้มอย่างที่คิด แล้วก็ลูก Selak บ้านเราเรียกสละน่ะแหละ

คำเตือน : กรุณาปอกเปลือกก่อนกิน





อีก ๒ ชั้นก็จะถึงยอดสูงสุดของวัดเบซากิแล้ว เมฆฝนยังปกคลุมมองไม่เห็นภูเขาไฟด้านหลังเลย




ศิลปะวัดนี้ เทียบใกล้เคียงได้กับ นครวัด และนครธม ในประเทศกัมพูชา ยิ่งใหญ่ ลึกลับ และน่าเกรงขาม





มุมนี้อยู่ด้านซ้าย เกือบยอดสูงสุดของวัดแล้ว เงาดำด้านหลังคือภูเขาไฟอากุง.... มุมนี้ ดูกี่ที ๆ มีแต่ความเศร้าแอบแฝงอยู่ .. ความรู้สึกที่สัมผัสได้เพียงผู้เดียว




อีกชั้นหนึ่งก็จะดึงยอดสูงสุดแล้ว ศิลปะในการทำซุ้มประตูอลังการมาก





ชั้นสูงสุดแล้ว ดูเงียบและวังเวงยังไงก็ไม่รู้ มีไกด์พานักท่องเที่ยวไปทำพิธีด้วยเลยล่ะ เลยรีบเดินออกมา





ฟ้าและฝนไม่เป็นใจซะเลย.....มองไปทางไหนก็มืดมิดไปหมด ดำเหมือนคนถ่ายรูปเลย




วัดเบซากิ ยิ่งใหญ่อลังการ เก็บภาพไม่เคยหมดสักที คราวหน้าต้องพาโนรามาซะแร้น




จากวัดเบซากิ ลุง Dewa พาเรามาเที่ยว KlungKlung เสียค่าเข้าประตูคนละ ๑๒.๐๐๐ ว่ากันว่าเป็นพระราชวังเก่าของสุลต่านที่ปกครองเมืองกลุงกลุง ราชวงศ์นี้ต้องหมดสิ้นตอนที่กองทัพเนเธอร์แลนด์เข้ายึดเกาะบาหลี



บนเพดานจะมีรูปวาด ซึ่งเป็นภาพวาดใหม่ เกี่ยวกับเรื่องรามเกียรต์ ... ในภาพเป็นทศกัณฐ์




มีอาคารพิพิธภัณฑ์ มี ๒ ห้อง เก็บข้าวของเครื่องใช้ และรูปภาพของราชวงศ์ไม่กี่ชิ้น .. เลยดูไม่ขลังเท่าที่ควร





นี่คือ กมลัง หมอเรียกว่ากะละมังซะง๊านแหละ แถมยังไปถามหาซื้อซีดี เสียงกะละมังที่สนามบินอีกน่ะ ... ดีนะที่คนบาหลีเขาเก่ง





เพื่อนร่วมเดินทางของเรา มาจากฝรั่งเศส หยุดเที่ยวยาว ๑ เดือน ตระเวนเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้านเรามาแล้ว คนไทยไม่แล้งน้ำใจ ... บุญพา วาสนามี เราคงได้พบกันอีก





ครั้งหน้าพบกับฟ้าใส ๆ ที่ Candidasa ฝั่งตะวันออกของเกาะบาหลี กับโรงแรมที่เราเข้าพัก …..Rama Candidasa Resort and Spa

.
.
.

.
ตรีมอกาเซะ กาเซะเดมอ …….. Bali is so RomAntic (^____^))

.
.
.