.
.
.
.
Bali is so RomAntic (Part 2)
.
.
ช่วงนี้ไม่มีโปรแกรมออกไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด ลั๊นลาอยู่ใน กทม.นี่แหละ แต่เน็ตที่กรมฯ ดันเจ๊งซะง๊านแหละ .....เกิดอาการเซ็งเป็ด จะทำงานส่งอาจารย์ก็ทำไม่ได้
หมอนกเล่าที่มาของคำว่า “ เซ็งเป็ด” ที่พี่หมอที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกะหมอนก เล่าเอาไว้ว่า ช้าง ม้า วัว ควาย เป็ด ไก่ พากันไปเที่ยว ไปเที่ยวมากี่ครั้ง ๆ เป็ดก็ชวนเพื่อนกลับท่าเดียว ด้วยคำร้อง ก๊าบ ก๊าบ กั๊บ กั๊บ ......แล้วงี้เพื่อนจะไม่เซ็งเป็ดอย่างไงไหวล่ะ
ครั้งที่แล้วที่ไปบาหลี และไปพักที่เมือง Ubud เราได้ซื้อโปรแกรมทัวร์จากที่พักเรา Swan Inn ไปเที่ยว Kintamani ในราคาคนละ ๑๗๐.๐๐๐ รูเปี๊ยะห์ (ไม่รวมค่าผ่านประตู ค่าข้าว )
มีเส้นทางท่องเที่ยวจากเมือง Ubud ไป Kintamani แวะท่องเที่ยววัด และสถานท่องเที่ยวรายทางไปเรื่อย ๆ โดยมีลุง Dewa เป็นพนักงานขับรถและไกด์ให้กับทริปของเรา
เพื่อนร่วมทริปของเรา เป็นสาวฝรั่งเศส ๑ คน สาวออสเตรเลีย ที่เกิดในเมืองไทย เรียนโรงเรียนไทย หน้าตาฝรั่งจ๋า แต่พูดไทยชัดแจ๋ว เธอมาเที่ยวกะหนุ่มมาเลเซีย แล้วก็เราคนไทย ๒ คน ทำไปทำมา เหมือนมีคนไทย ๓ คน รวมลุง Dewa ด้วยเป็น ๖ คน ด้วยรถ Toyata Kijang
ที่แรกของทริป คือ Goa Gajah (กัวกาจา หรือ ถ้ำช้าง) ที่นี้ถูกค้นพบโดยกองทัพเนเธอแลนด์ เมื่อครั้งเข้ามายึดเกาะบาหลี ปี ๑๙๒๓ ถ้ำช้างอยู่ต่ำกว่าพื้นดินปกติมากเอาการ เลยหละ หน้าถ้ำเป็นรูปช้าง
เราเดินเข้าไปในถ้ำ เหมือนอ้อยเข้าไปในปากช้าง เส้นทางเดินภายในถ้ำเป็นรูปตัว T ด้านหนึ่งเป็นรูปพระพิฆเนศ อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ ๓ แท่ง แทนเทพ ๓ องค์ คือ พระศิวะ พระนารายณ์ พระวิษณุ
เราเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้า อ่านป้ายประกาศหน้าวัด มีข้อความว่า ห้ามคนที่มีประจำเดือนเข้าไปในสถานที่นี้อย่างเด็ดขาด ไม่มีใครรู้ใครนอกจากนักท่องเที่ยวเองแหละ
ว่ากันว่า คนที่มีประจำเดือน หากเข้าไปในวัดจะมีอาการคันเนื้อคันตัวออกมาเลยล่ะ บางวัดจะมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์กลิ่นกันเลยล่ะ เขาว่าคนมีประจำเดือนจะมีกลิ่นไม่เหมือนใคร .. แน่ละสิ มันคงไม่หอมเท่าไหร่หรอก
ที่วัดนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำไหลออกจากปากปล่องที่แกะสลักเป็นรูปอิสตรี ๖ นาง ที่เชื่อกันว่า พระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำขึ้นมา เชื่อกันอีกว่า ใครได้มากินน้ำ อาบน้ำ ที่บ่อศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง ....อย่างเรา ๆ คงหมดสิทธิ์ คริ คริ
วัดนี้ มีต้นไม่ใหญ่มาก ๆ หลายต้น คนบาหลีเชื่อมั่นและเคร่งครัดในศาสนาอย่างมาก เขาจะไม่ตัดไม้ ทำลายป่า เพราะเขาเชื่อว่า ต้นไม้ ก็มีชีวิตเหมือนอย่างเรา ๆ รู้จักหิว รู้จักหนาว รู้จักที่จะรักมีชีวิตยืนยาว
ออกจาก ถ้ำช้าง Goa Gajah ลุง Dewa พาเราไป Pura Tirta Empul หรือ Tempaksiring หรือ วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่า พระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำ ขึ้นมาเช่นกัน ตอนที่เราไปเป็นช่วง Ceramony ผู้คนแต่งตัวสวยงาม ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ทยอยกันมาเรื่อย ๆ
ประตูทางเข้า Pura Tirta Empul เล็กนิดเดียวเอง สร้างตามคติความเชื่อของคนบาหลี เหนือประตูสูงสุดเป็นรูปหน้า Barong สอบถามได้ความว่า เป็นเทพของคนบาหลี
เข้าวัด ทำบุญ ผู้ชายจะแต่งตัวแบบนี้ เรียกได้ว่า เป็นเครื่องแบบประจำชนเผ่าบาหลีก็ว่าได้ เห็นได้ทั่วไปทั้งบริษัท สถานที่ราชการ และร้านค้าในสนามบิน
บนยอดเขา เป็นบ้านพักของอดีตประธานาธิบดี ซูการ์โน ที่ว่ากันว่า มาสร้างบ้านพักเพื่อมาดูสาวบาหลี เปลือยอกอาบน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ลุง Dewa บอกว่า ประธานาธิบดีคนนี้มีเมียเยอะ ... ก็คงมาจากกิเลสตัณหาจากการดูสาว ๆ นี่แหละ
ส่วนผู้หญิงที่เดินอยู่เดินล่าง ถือแกลลอนมาใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์เต็มไม้เต็มมือเลยล่ะ มีน้ำ ศักดิ์สิทธิ์ใส่ขวดวางขายด้วยดิ
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายอาบน้ำ ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ผู้หญิง จะต้องเปลือยอกอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเราก็เห็นป้าคนหนึ่ง พยายามทำกระโจมอกหลวม ๆ
ไล่อาบตั้งแต่จุดที่ ๑ ไปจนจุดสุดท้าย เป็นอันเสร็จพิธี ... ใครก็ตามที่ได้อาบน้ำแล้วจะ พบ กับความโชคดีตลอดไป .. อยากลงไปอาบกะเขาเหมือนกัน ไหน ๆ ก็มาถึงบาหลีแระ อย่าคิดนะ ว่าดำด๊ำจะเปลือยอกอาบน้ำเหมือนอย่างเขา
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เปิดให้คนนอกเขาไปดูได้ ไม่หวงห้าม ตอนที่เราเข้าไป มีหนุ่มฝรั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำกะเขาด้วย
เครื่องบูชาเทพของคนบาหลี ที่นับถือ พระนารายณ์ พระอิศวร และพระวิษณุ เดินไปดูใกล้ ๆ เห็นผ้าสีพับ ไว้ใส่พาน แล้วดอกไม้พวกลีลาวดี เฟื่องฟ้า ใบข่าหรืออะไรสักอย่างหั่นฝอย ๆ ใส่กระทงเล็ก ๆ ใบมะพร้าวทำเป็นลวดลาย ประดับประดาสวยงาม มีสัปทนกลางกั้นไว้ด้วย
คนบาหลี ไม่นิยมทำรูปบูชา เหมือนอย่างบ้านเรา ศรัทธาอยู่ในใจ ศาลาที่เห็นก็เป็นศาลาเปล่า ๆ ไม่มีรูปปั้นหรืออะไร ข้างในทางสีด้วยสีแดง สีทอง ประดับด้วยกระจกสี ดูสวยงาม ส่วนหลังคามุงด้วยหญ้าอะลัง ซึ่งเป็นหญ้าพื้นเมืองของเขา .. มุงอย่างแน่นหนา รับรองไม่มีรั่วอย่างเด็ดขาด
ตอนเข้าไป เขากำลังทำพิธีกรรมอยู่ ผู้นำแต่งชุดขาว แล้วก็มีชาวบ้านมานั่งร่วมพิธี เห็นแว๊บ ๆ ว่ามีเทน้ำลงพื้น ดูคล้ายกับการกรวดน้ำอย่างที่พุทธเราทำ
มีป้ายเตือน ห้ามนักท่องเที่ยวเดินหรือหยุดบริเวณทำพิธี แต่เราเห็นนักท่องเที่ยวผิวเหลืองจากฝั่งตะวันออกเดินทำทองไม่รู้ร้อน .. มีตาหามีแววไม่
ศาลาที่ตบแต่งอย่างสวยงาม น่าจะเป็นศาลาเทพซะมากกว่า เห็นด้านบนเป็นรูป Barong ด้วยดิ
เสร็จจากเที่ยววัด Tempaksiring ตอนเดินออกมา หมอนกโดนคนขายที่ระลึกฉุดรั้งให้ดูสินค้าก่อน แถมคนบาหลีที่นี่ พูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัดแจ๋ว
ที่สำคัญ ใคร ๆ ก็หาว่าหมอนกเป็นญี่ปุ่น แต่ไหงแกพูดไทยใส่หว่า ทั้ง ๆ ที่คณะของเรารวมมิตรจะตายไป
ลุง Dewa พาไปชิมกาแฟบาหลี ก่อนเข้าถึงร้านกาแฟ มีสวนพฤกษศาสตร์เล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ด้วยแหละ
รูปนี้ ลุง Dewa บอกว่าเป็นฟักทองบาหลี ดูแล้วคล้าย ๆ ลูกมะระแม้วมากกว่า ไอ้ครั้นจะพูดว่าเหมือนฟักแม้ว ก็กลัวลุง Dewa เข้าใจว่า Fuck meaw …. คนไทยคิดมิดีมิร้ายกะแมวแน่ ๆ เลย
* คนบาหลีเรียก “ แมว ” เหมือนกับบ้านเราเปี๊ยบเลย คำว่า แมว เลยเป็นคำสากลสำหรับไทยกะบาหลีไปแระ
เข้าไปถึงหน้าร้านกาแฟ มีป้าคนนี้มาสาธิตวิธีการคั่วกาแฟให้นักท่องเที่ยวดู คงอยู่มานาน จนรู้มุมกล้องนักท่องเที่ยวไปหมดแระ ... เห็นควันไฟโขมงในสวน ชวนนึกถึงบ้านผีปอบซะทุกทีเลย คริ คริ
ลูกสีเหลืองคือโกโก้ เอามาทำช็อคโกแล็ต ส่วนเม็ดเล็ก ๆ ในถาด เป็นเม็ดกาแฟ ฝักยาว ๆ ในถาดขาว เป็นวนิลา
เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ทางร้านทำให้นักท่องเที่ยวชิมฟรี ไม่เสียตังค์ มีกาแฟ ช็อคโกแลต น้ำมะตูม แล้วก็กาแฟผสมโสม ทุกถ้วยอร่อยหมดเลย
ส่วนที่อยู่ในตุ่มเล็ก ๆ เป็นอบเชย เอาไว้แต่งกลิ่นกาแฟ ... เราไม่กล้าใส่หรอก เพราะไม่เคยกินกะกาแฟ เคยกินที่อยู่ในเครื่องแกงเท่านั้นแหละ
หมอนกซื้อกาแฟกลับมาฝากพี่หมอ เพื่อนหมอที่เมืองไทย คนขายชื่อ Dewa No2 ( ชื่อเหมือนลุง Dewa) พูดภาษาไทยได้ งานนี้ด่ำ ด๊ำเลยต่อโหด โทษฐานที่พูดภาษาไทยได้ แต่ก็หมดไปเป็นหลักแสน เหมือนกัน
ตัวนี้เป็น Lawak ต้นกำเนิดของทฤษฏี Detoxification มันเป็นสัตว์ป่าที่มากินเม็ดกาแฟแล้วทำให้ถ่ายท้อง
คนเลยลอกเลียนแบบมันเสียเลย Detox ของเสียออกจากร่างกาย ด้วยกาแฟ จะกิน หรือสวนก้น สุดแต่ใจจะไขว่คว้าแล้วกัน
เสร็จแล้วลุง Dewa ก็พาไป Lake Batur ต่อ ถนนเริ่มแคบลง คดโค้ง ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ อากาศเริ่มเย็นลงไปทุกที ๆ
ทะเลสาบ Batur แห่ง Kintamani เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี ชาวบาหลีเชื่อกันว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตของเทวีดานู เจ้าหญิงแห่งทะเลสาบ ...วันนี้มีเมฆฝนเยอะ ฟ้าไม่ใส ทะเลสาบก็เลยไม่สวย
แต่ถึงเมฆจะเยอะยังไง ก็ยังมีช่องทางให้นักเดินทางอย่างเรา ๆ เห็น Mount Akung ภูเขาไฟที่ยิ่งใหญ่ของบาหลีกันบ้างล่ะ
หนุ่มผมทองคนนี้ เช่ารถ Vespa ขับมาจากเมือง Ubud ... คราวหน้าจะเช่าขับบ้าง หมอกล้าซ้อนท้าย ด่ำ ด๊ำป่าว
เที่ยวมาครึ่งวันแล้ว ลุง Dewa พาเราไปหม่ำข้าวที่ร้าน Mahagiri ที่ Kitamani ที่นี่มีที่พักด้วย แถมมีกีฬาแบบ Adventure แบบล่องแก่งให้เล่นด้วยล่ะ
ถนนดำ ๆ หน้าร้าน เป็นถนนวิ่งระหว่างเมือง Ubud – Kintamani เล็กมาก แถมคดโค้ง ป้ายบอกทางก็ไม่มีอีกต่างหาก ... ใครเก่งจริงก็เชิญได้เลย
มองจากร้านอาหารเห็น Rice terrace นาข้าวแบบขั้นบันไดอยู่เบื้องล่าง ....ภูมิปัญญาของคนบาหลี ที่คนไทยไม่เคยเอาเป็นเยี่ยงอย่างสักที
ใครต้องการพักแบบธรรมชาติ เล่นกีฬาแบบผาดโผน ติดต่อได้ที่ รีสอร์ทของ Mahagiri
สาวคนนี้ หน้าตาบาหลีแท้ ๆ ผิวเข้ม ตาคม ขนตางอนเช๊ง แบบไม่ต้องใช้ขนตาปลอม ทำงานในร้าน Mahagiri มีข้าวสารเม็ด ๆ ติดอยู่ที่หน้าผากด้วย ถามได้ความว่า วันนี้เป็นวัน Ceramony ...
รูปนี้ ได้รับอนุญาตจากสาวเจ้า และหมอก็ไฟเขียว อนุญาตให้ด่ำ ด๊ำไปถ่ายรูปสาวได้ .. ขอบคุณคับผม
อิ่มข้าวแล้ว ลุง Dewa พาไป Pura Alun KulKul Besakih หรือ Mother Temple วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลี ใหญ่ที่สุดในบาหลีด้วยเช่นกัน ภายในวัดนี้ประกอบไปด้วยวัดเล็ก ๆ อีก ๒๓ วัดในเนื้อที่เดียวกัน เรียงรายไปตามไหล่เขากว่า ๗ ขั้น
ทางขึ้นวัดเป็นทางลาดยาวสัก ๑ กม. ตอนที่เราเดินมีเจ้าถิ่นมาเซ้าซื้เราให้ขึ้นรถเครื่องเขาขึ้นไป ตามเราไปจนถึงครึ่งทางน่ะ สงสัยคิดว่าด่ำ ด๊ำเป็นคนบาหลีพาหมอมาเที่ยว
แล้วก็มีคนท้องถิ่น ชอบมาอ้างกับนักท่องเที่ยวว่า วัดกำลังทำพิธีห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไป จะเข้าได้ก็ต้องมีไกด์พาเข้าไป ก็พวกเขาน่ะแหละ ....มีหรอจะได้เงินจากเรา ศึกษามาอย่างดีแล้วคับผม ไม่ยอมเสียรู้ใครง่าย ๆ หรอก
ด้านหลังวัดนี้เป็นภูเขาไฟ Mount Akung หรือ Kunung Akung ครั้งหนึ่งที่วัดเคยมีพิธีบูชาเทพครั้งยิ่งใหญ่ มีประธานาธิบดีเป็นประธาน มีแขกเหรื่อจากต่างบ้านต่างเมืองมาร่วมพิธีกันเนืองแน่น
แต่แล้วก็ข่าวเตือนมาว่าจะเกิดภูเขาระเบิดในวันประกอบพิธี ไม่มีใครเชื่อว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นจริง ภูเขาไฟเกิดระเบิดพ่นลาวา หินหลอมละลายออกมามากมาย ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนั้น ตายเป็นหมื่น
แต่วัดเบซากิ กลับรอดพ้นจากการทำลายของภูเขาไฟไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ เลยได้ชื่อว่า วัดศักดิ์สิทธิ์แห่งบาหลี .... ถ้ามาบาหลี อย่าพลาดที่จะมาชมวัดนี้นะคับผม
ตอนที่ถ่ายอยู่เกือบถึงชั้นสูงสุดของวัดแล้ว ......วัดเบซากิใหญ่มาก ใหญ่จนเก็บภาพไม่หมด
ร้านขายของที่ระลึก ที่ตั้งอยู่เรียงรายทางขึ้นวัด ไม่เซ้าซี้นักท่องเที่ยวด้วย เห็นกล้วยลูกสีส้ม แต่ส้ม กลับไม่ส้มอย่างที่คิด แล้วก็ลูก Selak บ้านเราเรียกสละน่ะแหละ
คำเตือน : กรุณาปอกเปลือกก่อนกิน
อีก ๒ ชั้นก็จะถึงยอดสูงสุดของวัดเบซากิแล้ว เมฆฝนยังปกคลุมมองไม่เห็นภูเขาไฟด้านหลังเลย
ศิลปะวัดนี้ เทียบใกล้เคียงได้กับ นครวัด และนครธม ในประเทศกัมพูชา ยิ่งใหญ่ ลึกลับ และน่าเกรงขาม
มุมนี้อยู่ด้านซ้าย เกือบยอดสูงสุดของวัดแล้ว เงาดำด้านหลังคือภูเขาไฟอากุง.... มุมนี้ ดูกี่ที ๆ มีแต่ความเศร้าแอบแฝงอยู่ .. ความรู้สึกที่สัมผัสได้เพียงผู้เดียว
อีกชั้นหนึ่งก็จะดึงยอดสูงสุดแล้ว ศิลปะในการทำซุ้มประตูอลังการมาก
ชั้นสูงสุดแล้ว ดูเงียบและวังเวงยังไงก็ไม่รู้ มีไกด์พานักท่องเที่ยวไปทำพิธีด้วยเลยล่ะ เลยรีบเดินออกมา
ฟ้าและฝนไม่เป็นใจซะเลย.....มองไปทางไหนก็มืดมิดไปหมด ดำเหมือนคนถ่ายรูปเลย
วัดเบซากิ ยิ่งใหญ่อลังการ เก็บภาพไม่เคยหมดสักที คราวหน้าต้องพาโนรามาซะแร้น
จากวัดเบซากิ ลุง Dewa พาเรามาเที่ยว KlungKlung เสียค่าเข้าประตูคนละ ๑๒.๐๐๐ ว่ากันว่าเป็นพระราชวังเก่าของสุลต่านที่ปกครองเมืองกลุงกลุง ราชวงศ์นี้ต้องหมดสิ้นตอนที่กองทัพเนเธอร์แลนด์เข้ายึดเกาะบาหลี
บนเพดานจะมีรูปวาด ซึ่งเป็นภาพวาดใหม่ เกี่ยวกับเรื่องรามเกียรต์ ... ในภาพเป็นทศกัณฐ์
มีอาคารพิพิธภัณฑ์ มี ๒ ห้อง เก็บข้าวของเครื่องใช้ และรูปภาพของราชวงศ์ไม่กี่ชิ้น .. เลยดูไม่ขลังเท่าที่ควร
นี่คือ กมลัง หมอเรียกว่ากะละมังซะง๊านแหละ แถมยังไปถามหาซื้อซีดี เสียงกะละมังที่สนามบินอีกน่ะ ... ดีนะที่คนบาหลีเขาเก่ง
เพื่อนร่วมเดินทางของเรา มาจากฝรั่งเศส หยุดเที่ยวยาว ๑ เดือน ตระเวนเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้านเรามาแล้ว คนไทยไม่แล้งน้ำใจ ... บุญพา วาสนามี เราคงได้พบกันอีก
ครั้งหน้าพบกับฟ้าใส ๆ ที่ Candidasa ฝั่งตะวันออกของเกาะบาหลี กับโรงแรมที่เราเข้าพัก …..Rama Candidasa Resort and Spa
.
.
.
.
ตรีมอกาเซะ กาเซะเดมอ …….. Bali is so RomAntic (^____^))
.
.
.