วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
เวลา ๒๐.๓๖ น.
เพลงของหัวใจ - โต๋ ศักดิ์สิทธิ์
วันนี้รู้สึกเหนื่อยอย่างที่สุด เรียนหนัก นอนไม่พอ เดินทางบ่อย หัวใจอ่อนล้า .. อาจจะทำให้เซ็กส์เสื่อมได้ในที่สุด เกี่ยวกันป่าวไม่รู้ รู้แต่ว่าการบ้านที่อาจารย์สั่งให้มาทำยังไม่เสร็จ...ก็เท่านั้น ช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติของชีวิตนักศึกษาอย่างรันนี่ อาจารย์นัดสอบทุกอาทิตย์ แถมชีพจรลงเท้าต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์ ทั้งเดือนเหมือนกัน .. แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือล่ะเนี่ย เครียดไปก็เหนื่อยเปล่า..... !!! ยาก ๆ รันนี่ไม่ ง่าย ๆ รันนี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน … Open book - look neighbors ได้ป่าวเนี่ย คริ คริ (^______^)
เพื่อนรันนี่คนหนึ่งเจ้าของคำพูด “ สวรรค์กำลังคัดคนที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิตเรา และสวรรค์กำลังพาคนที่ใช่เข้ามาใกล้เราทุกที ” ที่เคยบอกรันนี่ไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว ตอนนี้เป็นอาจารย์ แต่ดันได้แฟนเด็ก เด็กของเพื่อนแค่ ม.๔ สงสัยอยากอุปการะเด็ก ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษา เพื่อนเป็นอาจารย์ฟาดเด็ก แล้วรันนี่กำลังเป็นนักเรียนจะโดนอาจารย์ฟาดหรือป่าวเนี่ย !!!
โดนฟาดแน่ ..โทษฐานที่กวนโอ๊ยกับอาจารย์ พาอาจารย์ออกนอกลู่นอกทาง ถามอาจารย์ตั้งแต่เซลล์เล็ก ๆ ไปจนถึงจักรวาล สมาธิ ปัญญาญาณ จนอาจารย์สอนไม่ทันแระ !! หรือว่ารันนี่จะฟาดอาจารย์ซะก่อนดี ด้วยจรรยาบรรณของค้างคาว รันนี่จะไม่ฟาดผัดฟัก คริ คริ ยังไงซะ อาจารย์ ก็คืออาจารย์อยู่วันยังค่ำแหละ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ในหัวใจของศิษย์คนนี้ (^______^))
เสาร์นี้สถาบันเก่า ๒ สถาบัน จะจัดงานศิษย์เก่าคืนสู่เหย้ารวมพลคน Cowboy พร้อมกันเลย แล้วจะแยกร่างไปได้ป่าวเนี่ย สถาบันก็อยู่คนละทิศคนละทางกันเลย แต่ถ้าเป็นงานคืนสู่เหย้า คาวโลกีย์ อาจมีลุ้น ลุ้น ....ลุ้นว่าจะเย็บกี่แผล คริ คริ (^______^)) แล้วชุดคาวบอยอยู่ไหนที่มีอยู่ ก็เหลือแค่ 2 pieces เหลือแค่ ผ้าพันคอ กะ polotie เท่านั้นเอง เข้างานได้ป่าวคับอาจารย์ !!
ใกล้ปิดเทอมแล้ว ยังไม่วางแผนเที่ยวกันเลย สงสัยหมอจะชอบของร้อน ๆ ไปหาที่พักเอาข้างหน้า ให้ได้เสี่ยงได้ลุ้นตลอดเส้นทางสิน่า !! เหมือน ๆ กับที่เราไปเที่ยววังน้ำเขียว สวิสต์เซอร์แลนด์แดนอิสาน แหล่ง โอโซนที่ดีที่สุด ๑ ใน ๗ ของโลก อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีอยู่ที่เมืองไทยเรานี่เอง แหล่งปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารเคมี (จริงป่าวไม่รู้) ....ลองแล้วอยากลองอีก ไปแล้วอยากไปอีก (^______^))
คราวก่อนที่เราออกจากบ้านภูนรินทร์ปากช่องกันแล้ว เราก็มุ่งไปวังน้ำเขียวกันต่อ หมอนกอยากพักบ้านไร่ คุณนาย (ชื่อเริ่ดมาก ๆ ) ตั้งอยู่บนทางผ่านไปวังน้ำเขียว ราคาบ้านพักสูงถึงครึ่งหมื่นต่อ ๑ คืน แพงชิบ !! อย่าหวังว่าจะได้เงินจากเรา เพาะเรายังไม่ถึงที่หมายตะหากล่ะ ทำหยิ่ง ไปหาเอาดาบหน้าดีกว่า !! (^______^)) ขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยเปื่อย ผ่านเขื่อนลำ พระเพลิงที่ผืนน้ำสะท้อนกับท้องฟ้าได้อย่างสวยงาม ใครว่าสันกำแพง มีแต่ที่เชียงใหม่..... ที่นี่ก็มีบ้านสันกำแพงเหมือนกัน
ผ่านบ้านอิงน้ำภูฟ้า ที่ตั้งอยู่ริม ลำพระเพลิง ดูแล้วบรรยากาศสวยงาม หลังติดเขาหน้าติดน้ำ ฮวงจุ๊ยดีมาก ๆ ขอ บอก ได้แต่แวะถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศที่สวยงาม แต่ใจคนกลับไม่งาม เพราะคิดอาหารสิ้นคิดอย่างผัดกระเพราหมูธรรมด๊า ธรรมดาจานละตั้ง ๑๒๐ บาท อย่าหวังจะได้เงินค่าที่พักจากเราเลย เพราะว่ามันเต็มอีกนั่นแหละ (^____^)) ไปหาเอาดาบหน้าดีกว่าอีกนั่นแหละ เป้าหมาย อ.วังน้ำเขียวเลย ผ่านเขาแผงม้า สถานที่ดูกระทิงป่า ยาม ค่ำคืน เสียง โอ๋ เพื่อนแก๊งค์นกเงือกยังแว่ว ๆ ว่า “ กระทิงหนีเข้าไปป่าลึกไปหมดแล้ว ไม่มีให้แกดูแล้วล่ะ ”
บ่ายนั้นเราวิ่งหาที่พักเกือบทั้งบ่าย ที่ไหนก็ไม่น่าพัก ส่วนที่ The Green ที่ที่เราอยากพักก็ดันเต็มซะนี่ หาจนเหนื่อยอ่อนสุดท้ายเราหยุดความเหนื่อยด้วยการกิน ร้านที่ว่าชื่อ ลาคำปาณ เราขับรถไปตามป้ายสีส้มตั้งแต่หมู่บ้านไทยสามัคคีไปจนทะลุถนนใหญ่ ร้านนี้ตกแต่งสไตล์ยุโรป อาหารเป็นอาหารไทย – ยุโรป หมอนกหม่ำ ลาซานญ่า กะโรตีแกงเขียวหวาน รันนี่โซ๊ยสเต๊กหมูพริกไทยดำ จานบึ้ม บรรยากาศการกินไม่ค่อยจะโสภาสักเท่าไร ก็อีตอนที่มีสาววัยกลางคนจ้องรันนี่อยู่ตลอดเวลา
หมอคับ.... เขามองด่ำ ด๊ำไมอ้ะ ?
หมอ.... เขามองความดำเธอน่ะสิ
ด่ำด๊ำ ... (“ . “)
หม่ำเสร็จ เราก็ตระเวนหาที่พักต่อ ในหมู่บ้านต่อ บรรยากาศเริ่มโพล้เพล้ สายฝนโปรยปราย ที่ไหนก็ต้องนอนแล้วล่ะ สุดท้ายเราได้บ้านพักที่อยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน “ภูสวยลมหนาว ” เป็นบ้านพักหลังเล็ก ๆ แม่บ้านใจดีคิดเราแค่ ๘๐๐ บาท ทั้งที่ป้าแกชาร์จได้แต่แกก็ไม่ทำ นี่แหละ น้ำใจและความจริงใจของคนบ้านนอก ที่ยากจะหาได้ในสังคมของคนเมืองกรุง
ในห้องพักมีแอร์ ตู้เย็น ทีวี แถมมีเครื่องเสียงสเตอริโอให้เราด้วย และของแถมที่ขาดเสียไม่ได้ มดดำฝูงใหญ่ ในมุงลวดเหนือหัวนอน งานนี้เราสองคนได้ร่วมทำกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรตัวเล็ก ๆ หลายร้อยตัวอย่างไม่ตั้งใจ จัดแจงรื้อมุงลวดมาเคาะ เคาะ เคาะ ไป ๑ ตื่น แล้วก็มาใส่มุ้งลวดคืน
ใกล้ค่ำแล้ว ฝนยังตกโปรยปราย หมอนก เริ่มออกอาการหิว ตัวเบาหวิว สุดท้ายก็ออกไปหาข้าวกินที่ “ ครัวต้นไทร ” นักท่องเที่ยวแน่นร้าน ทั้งที่ฝนตกและอากาศก็เริ่มหนาวเข้าไปทุกที คิวอาหารยาวเหยียด แต่ก็อร่อยสมกับที่รอคอย .... แล้วก็กลับไปนอนหลับสบายไปทั้งคืน ก็หายหิวแล้วนี่ (^______^))
เราตื่นเกือบเที่ยงของวันใหม่ รีบอาบน้ำแต่งตัว งานนี้หนาวสมใจอยาก ใส่เสื้อกันหนาวคุ้มกันเลยล่ะ คืนห้องพัก แล้วก็บึ่งไปผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ตรงนี้ เป็นหน้าผาดินสูง เห็นต้นลานอยู่ลิบ ๆ เบื้องล่าง มีป้ายระบุ “ สุดเขต อ.วังน้ำเขียว ” ส่วนป่าลานที่เห็นด้านล่างลิบ ๆ เป็นพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เราร่วมกิจกรรมปลูกป่า ด้วยการบริจาคเงิน แล้วได้ลูกมะค่าโมงกับหนังสะติ๊กมา ๒ ชุด แล้วก็ช่วยกันปลูกป่าโดยการยิงลูกมะค่าโมงด้วยหนังสะติ๊กไปยังพื้นป่ากว้างไกลด้านล่าง
นึกถึงพระราชดำรัสของพระราชินี “ ในหลวงเป็นป่า ส่วนท่านจะเป็นน้ำ ช่วยโอบอุ้มป่าให้สมบูรณ์ ”
เสร็จแล้ว โน่นเลย ชมรมโถกเถก เตรียมอุปกรณ์การเดินโถกเถกไว้ให้นักเที่ยวได้ลุ้นกับการเดินด้วยไม้ไผ่ รันนี่ก็ไม่พลาดกะเขาเหมือนกัน แล้วก็ปีนขึ้นหอส่องสัตว์ ที่อยู่ตรงทางออกผาเก็บตะวัน
ไปดูทุ่งดอกเบญมาศ มีทั้งตูมและบาน ตระเวนหาที่พักเพื่ออยู่ต่ออีกคืน ยิ่งกว่างมเข็มในทะเล ที่พักเต็มหมด ตัดสินใจกลับบ้าน ไม่ง้อแล้ว !! ไปนอนบ้านริมน้ำของรันนี่ดีกว่า กลับไปปลูกบ้านพักตากอากาศริมน้ำของเรา แล้วโลกสวยงามจะเป็นของเราเสมอ (^_____^))
ดอกเบญจมาศกำลังจะบาน อวดโฉมคนทั้งโลก
โลก ประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เกิดขึ้นเป็นแผ่นดิน แผ่นน้ำ ผืนฟ้า และความอบอุ่นจากดวงตะวัน ก่อเกิดธรรมชาติและบรรยากาศอันสวยงาม
คน ประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง ๔ ด้วยเช่นกัน ดิน ก่อเกิดเป็นกระดูก และเนื้อหนังมังสา น้ำ ก่อเกิดเป็นเลือด น้ำเหลือง และพลาสมา ไหลเวียนวนอยู่ในร่างกาย ลม ก่อเกิดเป็นสภาพอากาศในร่างกาย และไฟ ก่อเกิดเป็นพลังงาน รวมกันก่อเกิดเป็นร่างคน และระบบห่วงโซ่หายใจ...ที่ทำให้เป็นธาตุทั้ง ๔ รวมเป็นคนได้อย่างสมบูรณ์ ......
....รันนี่ก็มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ก่อเกิดเป็นร่างกาย และมีลมหายใจที่มี...เธอ (^_____^))